Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 มีนาคม 2545
จิราธิวัฒน์รุ่น3 ทุ่ม4พันล้าน 2 ปี100สาขา             
 


   
search resources

เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น, บจก.
ทศ จิราธิวัฒน์




นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของซีอาร์ซี ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นจิราธิวัฒน์รุ่นที่ 3 โดยได้เปิดเผยถึงทิศทางการขยายธุรกิจเชิงรุกของเซ็นทรัลรีเทลในช่วง 2 ปีนี้ (2545-2546) หลังจากที่ช่วงปี 2540-2544 ได้หยุดการขยายตัว และมีเพียงกลุ่มธุรกิจเพาเวอร์บาย ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอสและโฮมเวิร์คที่ขยายสาขาไม่มากนัก

ทั้งนี้ใน 2 ปีนี้ซีอาร์ซี เตรียมลงทุนเพิ่มถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่มากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

โดยปี 2545 จะใช้เงินลงทุนประมาณ1,300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาของ 6 กลุ่มธุรกิจที่เป็นบิสซิเนสยูนิต รวมทั้งสิ้น 47 สาขา ซึ่งจะประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 1 สาขา (พระราม 2) เพาเวอร์บาย 15 สาขา ซูเปอร์สปอร์ต 4 สาขา ออฟฟิศเดโป 4 สาขา บีทูเอส 13 สาขา โฮมเวิร์ค 5 สาขา ส่วนที่เหลือจะเป็นการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจใหม่ๆของซีอาร์ซี

นายทศ ย้ำด้วยว่า การลงทุนในปี 2545 ครั้งนี้นับเป็นงบประมาณการลงทุนที่มากกว่าปีที่ผ่านมาคิดเป็นเงินลงทุนเกือบเท่าตัว กล่าวคือปี 2544 ใช้เงินลงทุน 600-700 ล้านบาทขยายสาขาธุรกิจในเครือเพียง 10 สาขาเท่านั้น และอีกส่วนหนึ่งใช้ไปกับการปรับปรุงสาขาเก่าของธุรกิจในเครือเช่นกัน

สำหรับในปี 2546 เซ็นทรัลรีเทลประมาณการว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 2,300 ล้านบาท โดยเป็นการขยายสาขาเซ็นทรัลที่ภูเก็ต 1 แห่งประมาณ 1,000 ล้านบาทและการขยายธุรกิจในเครืออีก 5 กลุ่ม ซึ่งจะมีไม่น้อยกว่าในปี 2545 และใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่าด้วย โดยซีอาร์ซี จะเน้นขยายธุรกิจเชิงรุกในการขยายจำนวนสาขาให้มากขึ้นตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

"4ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยอยู่ในภาวะที่ตกต่ำ แต่เซ็นทรัลก็ยังสร้างอัตราการเติบโตได้ถึงปีละกว่า 10% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าบริษัทค้าปลีกอื่นเมื่อเทียบกับการที่เซ็นทรัลไม่ได้ขยายสาขาเลย สำหรับช่วง 2 ปี เป็นช่วงที่มีความพร้อมมาก เพราะได้มีการปรับองค์กรการบริหารที่เป็นระบบมากขึ้นรวมถึงการลดต้นทุนและมีเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน จึงเริ่มเจาะตลาดมากขึ้น ซึ่งช่องทางใดพอขยายได้เราพร้ออมที่จะดำเนินการทันที"

นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงธุรกิจในเครือแต่ละยูนิตด้วยว่า ห้างสรรพสินค้าโรบินสันได้ผ่านการปรับโครงสร้างมา 99% ในปีนี้จะกลับมาให้ความสำคัญและการแนะนำแบรนด์โรบินสันใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากหยุดนิ่งมานาน 4 ปี โดยได้ปรับปรุงตกแต่งทุกสาขาให้มีบรรยากาศที่สดใสมากขึ้น ซึ่งในสิ้นปีนี้จะปรับปรุงได้ครบทุกสาขา

เพาเวอร์บาย ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องสียง ในแผนงานหลักปีนี้จะขยาย 15 สาขา ทั้งรูปแบบเก่าคือเพาเวอร์บายเน็ตเวิร์ค เพื่อจับกลุ่มลูกค้าตามชุมชน และรูปแบบใหม่คือเพาเวอร์บายสเปเชี่ยลสโตร์ขนาดพื้นที่ 400-600 ตารางเมตร จับกลุ่มลูกค้าในศูนย์การค้าเป็นหลัก

ซูเปอร์สปอร์ต ร้านอุปกรณ์กีฬา หลังจากเปิดรูปแบบใหม่คือ ซูเปอร์สปอร์ตเอ็มเอ็กซ์ ที่สาขาจัสโก้รัตนาธิเบศร์ไปแล้ว ปีนี้จะขยายสาขาแบบสเปเชี่ยลสโตร์ตามศูนย์การค้าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ อาทิ สีลม ภูเก็ต สมุย

บีทูเอส ร้านหนังสือและเครื่องเขียนนับเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่เติบโตสูงมากและต่างชาติให้ความสนใจที่จะให้เซ็นทรัลไปบริหาร หลังจากให้บริการเมื่อปีที่ผ่านมาเท่านั้นซึ่งในปีนี้จะขยายตัวถึง 13 สาขา ส่วนโฮมเวิร์ค ร้นอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ปีนี้จะเปิดเพียง 5 สาขา

สำหรับกลุ่มธุรกิจสุดท้าย คือเซ็นทรัลออนไลน์และออฟฟิศเดโป เป็นการทำธุรกิจในลักษณะอีคอมเมิร์ซ ด้านการขยายสินค้าผ่าน 2 เว็บไซต์ซึ่งถือเป็นช่องทางการค้าใหม่ และเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพอใจสูงสุด

นอกเหนือจากการขยายสาขาแล้ว เซ็นทรัลได้ปรับระบบการบริหารจัดการภายในเพื่อให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยการเน้นฝึกอบรมและพัฒนาผู้บริหารและพนักงานให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาให้เป็นองค์กรชั้นนำทั้งผลประกอบการและกำไรที่ดีเทียบเท่าบริษัทชั้นนำ และมีเป้าหมายที่จะให้ทุกกลุ่มธุรกิจสร้างอัตราการเติบโตปีละ 15-25% และแต่ละกลุ่มธุรกิจจะต้องเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจประเภทนั้น

สำหรับผลประกอบการของเซ็นทรัลรีเทล ในปี 2544 มียอดขายรวม 33,500 ล้านบาท มีการเติบโต 12% จากมูลค่าตลาดรวม1.3 ล้านบาท และตลาดค้าปลีกโดยรวมมีอัตราการเติบโตเพียง 6% เท่านั้น โดยเมื่อดูจากอัตราส่วนแบ่งการค้าปลีกแล้ว เซ็นทรัลมีส่วนแบ่งการตลาด 8% และหากเทียบเฉพาะกลุ่มโมเดิร์นเทรดเซ็นทรัลมีส่วนแบ่งตลาด 17% โดย 10% จากธุรกิจเดิมและ 7% จากธุรกิจใหม่

ส่วนปี 2545 เซ็นทรัลรีเทลตั้งเป้าหมายเติบโต17% คิดเป็นยอดขาย 39,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากเซ็นทรัลดีพาร์ตเม้นท์สโตร์

ปัจจุบัน 6 กลุ่มของเซ็นทรัลรีเทลมีทั้งหมด 130 สาขา ในปี 2545 จะเปิดเพิ่ม 47 สาขา ส่งผลให้ในสิ้นปีนี้ เซ็นทรัลรีเทลจะมีสาขาโดยรวม 177 สาขาหากดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ และปีหน้าคาดว่าจะขยายเพิ่มประมาณ 50 สาขา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us