นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น
จำกัด เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของซีอาร์ซี
ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นจิราธิวัฒน์รุ่นที่ 3 โดยได้เปิดเผยถึงทิศทางการขยายธุรกิจเชิงรุกของเซ็นทรัลรีเทลในช่วง
2 ปีนี้ (2545-2546) หลังจากที่ช่วงปี 2540-2544 ได้หยุดการขยายตัว และมีเพียงกลุ่มธุรกิจเพาเวอร์บาย
ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอสและโฮมเวิร์คที่ขยายสาขาไม่มากนัก
ทั้งนี้ใน 2 ปีนี้ซีอาร์ซี เตรียมลงทุนเพิ่มถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่มากในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
โดยปี 2545 จะใช้เงินลงทุนประมาณ1,300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาของ 6 กลุ่มธุรกิจที่เป็นบิสซิเนสยูนิต
รวมทั้งสิ้น 47 สาขา ซึ่งจะประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 1 สาขา (พระราม
2) เพาเวอร์บาย 15 สาขา ซูเปอร์สปอร์ต 4 สาขา ออฟฟิศเดโป 4 สาขา บีทูเอส
13 สาขา โฮมเวิร์ค 5 สาขา ส่วนที่เหลือจะเป็นการขยายสาขาของกลุ่มธุรกิจใหม่ๆของซีอาร์ซี
นายทศ ย้ำด้วยว่า การลงทุนในปี 2545 ครั้งนี้นับเป็นงบประมาณการลงทุนที่มากกว่าปีที่ผ่านมาคิดเป็นเงินลงทุนเกือบเท่าตัว
กล่าวคือปี 2544 ใช้เงินลงทุน 600-700 ล้านบาทขยายสาขาธุรกิจในเครือเพียง
10 สาขาเท่านั้น และอีกส่วนหนึ่งใช้ไปกับการปรับปรุงสาขาเก่าของธุรกิจในเครือเช่นกัน
สำหรับในปี 2546 เซ็นทรัลรีเทลประมาณการว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 2,300
ล้านบาท โดยเป็นการขยายสาขาเซ็นทรัลที่ภูเก็ต 1 แห่งประมาณ 1,000 ล้านบาทและการขยายธุรกิจในเครืออีก
5 กลุ่ม ซึ่งจะมีไม่น้อยกว่าในปี 2545 และใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่าด้วย โดยซีอาร์ซี
จะเน้นขยายธุรกิจเชิงรุกในการขยายจำนวนสาขาให้มากขึ้นตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
"4ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยอยู่ในภาวะที่ตกต่ำ แต่เซ็นทรัลก็ยังสร้างอัตราการเติบโตได้ถึงปีละกว่า
10% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าบริษัทค้าปลีกอื่นเมื่อเทียบกับการที่เซ็นทรัลไม่ได้ขยายสาขาเลย
สำหรับช่วง 2 ปี เป็นช่วงที่มีความพร้อมมาก เพราะได้มีการปรับองค์กรการบริหารที่เป็นระบบมากขึ้นรวมถึงการลดต้นทุนและมีเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน
จึงเริ่มเจาะตลาดมากขึ้น ซึ่งช่องทางใดพอขยายได้เราพร้ออมที่จะดำเนินการทันที"
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงธุรกิจในเครือแต่ละยูนิตด้วยว่า ห้างสรรพสินค้าโรบินสันได้ผ่านการปรับโครงสร้างมา
99% ในปีนี้จะกลับมาให้ความสำคัญและการแนะนำแบรนด์โรบินสันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากหยุดนิ่งมานาน 4 ปี โดยได้ปรับปรุงตกแต่งทุกสาขาให้มีบรรยากาศที่สดใสมากขึ้น
ซึ่งในสิ้นปีนี้จะปรับปรุงได้ครบทุกสาขา
เพาเวอร์บาย ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องสียง ในแผนงานหลักปีนี้จะขยาย
15 สาขา ทั้งรูปแบบเก่าคือเพาเวอร์บายเน็ตเวิร์ค เพื่อจับกลุ่มลูกค้าตามชุมชน
และรูปแบบใหม่คือเพาเวอร์บายสเปเชี่ยลสโตร์ขนาดพื้นที่ 400-600 ตารางเมตร
จับกลุ่มลูกค้าในศูนย์การค้าเป็นหลัก
ซูเปอร์สปอร์ต ร้านอุปกรณ์กีฬา หลังจากเปิดรูปแบบใหม่คือ ซูเปอร์สปอร์ตเอ็มเอ็กซ์
ที่สาขาจัสโก้รัตนาธิเบศร์ไปแล้ว ปีนี้จะขยายสาขาแบบสเปเชี่ยลสโตร์ตามศูนย์การค้าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ
อาทิ สีลม ภูเก็ต สมุย
บีทูเอส ร้านหนังสือและเครื่องเขียนนับเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่เติบโตสูงมากและต่างชาติให้ความสนใจที่จะให้เซ็นทรัลไปบริหาร
หลังจากให้บริการเมื่อปีที่ผ่านมาเท่านั้นซึ่งในปีนี้จะขยายตัวถึง 13 สาขา
ส่วนโฮมเวิร์ค ร้นอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ปีนี้จะเปิดเพียง 5 สาขา
สำหรับกลุ่มธุรกิจสุดท้าย คือเซ็นทรัลออนไลน์และออฟฟิศเดโป เป็นการทำธุรกิจในลักษณะอีคอมเมิร์ซ
ด้านการขยายสินค้าผ่าน 2 เว็บไซต์ซึ่งถือเป็นช่องทางการค้าใหม่ และเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
(CRM) เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพอใจสูงสุด
นอกเหนือจากการขยายสาขาแล้ว เซ็นทรัลได้ปรับระบบการบริหารจัดการภายในเพื่อให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
โดยการเน้นฝึกอบรมและพัฒนาผู้บริหารและพนักงานให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาให้เป็นองค์กรชั้นนำทั้งผลประกอบการและกำไรที่ดีเทียบเท่าบริษัทชั้นนำ
และมีเป้าหมายที่จะให้ทุกกลุ่มธุรกิจสร้างอัตราการเติบโตปีละ 15-25% และแต่ละกลุ่มธุรกิจจะต้องเป็นผู้นำอันดับ
1 ในธุรกิจประเภทนั้น
สำหรับผลประกอบการของเซ็นทรัลรีเทล ในปี 2544 มียอดขายรวม 33,500 ล้านบาท
มีการเติบโต 12% จากมูลค่าตลาดรวม1.3 ล้านบาท และตลาดค้าปลีกโดยรวมมีอัตราการเติบโตเพียง
6% เท่านั้น โดยเมื่อดูจากอัตราส่วนแบ่งการค้าปลีกแล้ว เซ็นทรัลมีส่วนแบ่งการตลาด
8% และหากเทียบเฉพาะกลุ่มโมเดิร์นเทรดเซ็นทรัลมีส่วนแบ่งตลาด 17% โดย 10%
จากธุรกิจเดิมและ 7% จากธุรกิจใหม่
ส่วนปี 2545 เซ็นทรัลรีเทลตั้งเป้าหมายเติบโต17% คิดเป็นยอดขาย 39,000 ล้านบาท
โดยรายได้หลักมาจากเซ็นทรัลดีพาร์ตเม้นท์สโตร์
ปัจจุบัน 6 กลุ่มของเซ็นทรัลรีเทลมีทั้งหมด 130 สาขา ในปี 2545 จะเปิดเพิ่ม
47 สาขา ส่งผลให้ในสิ้นปีนี้ เซ็นทรัลรีเทลจะมีสาขาโดยรวม 177 สาขาหากดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้
และปีหน้าคาดว่าจะขยายเพิ่มประมาณ 50 สาขา