เยือนถิ่นเมืองเบียร์ สัมผัสกลิ่นอายของไฮเทคโนโลยี และชมกิจการของซีเมนส์นิกซ์ดอร์ฟ
อินฟอร์เมชั่นซิสเท็ม เอจี หรือเอสเอ็นไอ (SNI) หนึ่งในกิจการของ SIEMENS AG
ชื่อที่คนไทยหลายคนคุ้นดีในเรื่องของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่ง
คอมพิวเตอร์และการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระบบหรือตัวสินค้า หลายคนต่างก็รู้กันดีอีกว่าทั้งแกร่งและมีคุณภาพ
เช่นทีมอินทรีย์เหล็กแชมป์ฟุตบอลโลกหลายสมัย
การดำเนินธุรกิจของกลุ่มซีเมนส์เอจีครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจอุตสาหกรรม,
ธุรกิจโทรคมนาคม, ธุรกิจไอที, ธุรกิจขนส่งมวลชน, ธุรกิจเฮลท์แคร์, อุตสาหกรรมส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์,
ธุรกิจแสงสว่าง ไปจนถึงธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกกว่า
160 ประเทศ และอีกกว่า 60 ตัวแทนจำหน่าย
ด้วยยอดขายปี 2538 ทั้งกลุ่มบริษัททั่วโลก 88,763 ล้านดอยช์มาร์ค ซึ่งหากเอา
17 ที่เป็นอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณของเงินไทยไปคูณแล้วจะได้ผลลัพธ์ถึงกว่า
1.5 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว เป็นตัวเลขที่สูงมาก มากกว่าเงินงบประมาณประจำปีของรัฐบาลไทยไม่รู้กี่เท่าตัว
และด้วยอายุ 149 ปีกับยอดขายเท่านี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลพอสมควร
ทั้งนี้ สำหรับตลาดเอเซียโดยเฉพาะในส่วนภาคพื้นเอเซียแปซิฟิค ซีเมนส์ขายได้
8,617 ล้านดอยช์มาร์ค (146,489 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขไม่สู้จะมากนักหากเปรียบกับบริษัทต่างชาติด้วยกัน
"8,617 ล้านดอยช์มาร์คเป็นตัวเลขในส่วนธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์มากที่สุด
ซึ่งปีนี้เราก็จะเน้นที่ตลาดเอเซียต่อไป รวมทั้งตลาดอเมริกาด้วย โดยเฉพาะที่ธุรกิจเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุดขณะนี้"
Dr. Heinrich v. Pierer ผู้อำนวยการและซีอีโอของกลุ่มบริษัทซีเมนส์ กล่าวท่ามกลางสื่อมวลชนทั่วโลกกว่า
200 คน รวมทั้ง "ผู้จัดการ"
ในธุรกิจเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารนี้ ซีเมนส์นิกซ์ดอร์ฟ อินฟอร์เมชั่นซิสเท็ม
เอจี หรือ เอสเอ็นไอ (SNI) บริษัทหนึ่งใน 7 ของกลุ่มซีเมนส์ ที่มีสำนักงานอยู่ที่เมืองพาเดอร์บอร์น
คือแม่ทัพที่จะออกศึกในเรื่องนี้
ยุทธศาสตร์ของเอสเอ็นไอเริ่มโดยทันทีด้วยการนำพาสื่อมวลชนกว่า 30 ชีวิตในโซนเอเซียแปซิฟิคชมเทคโนโลยีเฉพาะส่วนไอที
(Information Technology) กว่า 10 วัน
จากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตมุ่งสู่เมืองพาเดอร์บอร์น ระหว่างทางแลเห็นความรักในเชื้อชาติของเขาที่บ่งบอกโดยการใช้สินค้าของประเทศตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์บีเอ็มดับบลิว อุปกรณ์สื่อสาร เออีจีตลอดจนรถไฟฟ้าของซีเมนส์
ในบรรยากาศท่ามกลางความหนาวเหน็บของหิมะที่ติดลบระหว่าง 5-10 องศาเซลเซียส
เอสเอ็นไอ เกิดจากนิกซ์ดอร์ฟคอมพิวเตอร์เอจีกับแผนกดาต้า ซิสเต็มส์และอินฟอร์เมชั่น
เทคโนโลยีของซีเมนส์เอจีรวมกัน กว่า 6 ปีแห่งการเติบโตที่มีเป็นลำดับ และก็ตีไล่คู่แข่งมาติดๆ
ในส่วนของยอดขายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยสามารถสร้างรายได้ช่วงปีที่ผ่านมา
12.8 พันล้านดอยช์มาร์ค (สองแสนกว่าล้านบาท) มากกว่าปี 94 11% ทั้งหมดมาจากในเยอรมันนี
8.3 พันล้านดอยช์มาร์ค (65%) และจากภูมิภาคทั่วโลกอีก 4.5 พันล้านดอยช์มาร์ค
(ยุโรป 27% ประเทศอื่นอีก 8%)
ตัวเลข 12.8 ของเอสเอ็นไอนี้แบ่งเป็นสัดส่วนทางธุรกิจการบริการ 22% ส่วนสินค้า
36% และส่วนโซลูชั่นอีก 42% ทั้งนี้หากจะวัดเป็นอันดับโลกแล้ว เอสเอ็นไออยู่ที่ระดับ
11 โดยมีไอบีเอ็มอันดับหนึ่งทิ้งห่างที่ 103.9 พันล้านดอยช์มาร์ค และฮิวเล็ตแพคการ์ดเพื่อนยุโรปด้วยกันเป็นอันดับสอง
36.6 พันล้านดอยช์มาร์ค
ในโซนยุโรป หากไม่นับไอบีเอ็มที่มียอดขายอันดับหนึ่ง 35.5 พันล้านดอยช์มาร์คแล้วเอสเอ็นไอก็ถือเป็นเจ้าตลาดรองลงมาคือ
11.81 พันล้านดอยช์มาร์คซึ่งห่างกันค่อนข้างมาก แต่ก็ยิ้มได้บ้างเพราะทิ้งห่างบริษัทโอลิเว็ตติเพื่อนร่วมชาติเดียวกันที่ได้เพียง
8.96 พันล้านดอยช์มาร์คเท่านั้น
ส่วนในเยอรมันนีเอง เอสเอ็นไอไล่บี้ไอบีเอ็มอย่างไม่ยอมแพ้ ด้วยยอดขายของ
8.3 พันล้านดอยช์มาร์ค และไอบีเอ็ม 9.3 พันล้านดอยช์มาร์ค
Gerhard Schulmeyer ประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการของเอสเอ็นไอ กล่าวถึงตลาดคอมพิวเตอร์โลกในอีก
2 ปีข้างหน้าว่า "1998 เราตั้งเป้าไว้ที่ 213.5 พันล้านดอยช์มาร์ค โดยตลาดซอฟท์แวร์เราจะให้อยู่ในระดับ
164.5 พันล้านดอยช์มาร์ค ซึ่งน่าจะทำได้ และปี 2000 เราจะทำให้โตกว่าปี 94
อีกประมาณ 75% โดยเน้นธุรกิจในส่วนพาร์เนอร์ให้มากที่สุด นั่นคือธุรกิจไอที"
ทั้งนี้จากตัวเลขปี 94 ของเอสเอ็นไอที่ 5,000 ล้านดอยช์มาร์ค ตัวเลขของปี
2000 ที่ชูแมเยอร์ต้องการก็ต้องเท่ากับ 20,400 ล้านดอยช์มาร์ค (สามแสนกว่าล้านบาท)
ซึ่งในส่วนตลาดเอเซียโดยเฉพาะไทยนั้น ชูแมเยอร์กล่าวว่า
"ค่อนข้างจะทำตลาดยากสักหน่อยเพราะคู่แข่งมีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะไอบีเอ็มและคอมแพ็คที่เป็นเจ้าตลาดอยู่
ซึ่งหากจะเข้าไปแบบดุ่มๆ ก็คงพังเอาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงมีนโยบายระมัดระวัง
คือใช้วิธีการร่วมทุนกับคนท้องถิ่นให้ดีและมากที่สุด ซึ่งขณะนี้เราก็ทำอยู่
โดยยอดขายก็เป็นที่น่าพอใจของเรา"
นั่นหมายถึง 510 ล้านบาทของยอดขายปีที่แล้ว ในตลาดเมืองไทยที่สูงกว่าปี
1994 ประมาณ 21% ซึ่งเอสเอ็นไอได้เข้ามาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยร่วมทุนกับเครือไทยสงวนวานิชของวิกรม
ชัยสินธพ ตั้งเป็น ที. เอ็น. นิกซ์ดอร์ฟ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) เริ่มด้วยการขายระบบคอมพิวเตอร์และบริการอย่างครบวงจร
ตลาดส่วนมากมาจากราชการ, ธนาคาร และบริษัทโทรคมนาคม
กลิ่นอายเทคโนโลยีที่เอสเอ็นไอออกจะดูเคร่งขรึมดั่งมาดของไกเซอร์ฟรานซ์แบคเค่นบราว
ขณะบัญชาการทีมอินทรีเหล็กในอดีต
ขึ้นรถ ลงเรือ ไปเหนือล่องใต้ นั่งเครื่องบิน ทุกอย่างแทบจะเป็นของซีเมนส์เกือบทั้งสิ้น
ตั้งแต่ธุรกิจแบงก์กิ้ง โดยเฉพาะตามธนาคารต่างๆ เอสเอ็นไอได้ผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกันเป็นอย่างดีระหว่างมัลติมีเดีย,
เน็ทเวิร์ค, สมาร์ทการ์ด, คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและโทรศัพท์มือถือ
แม้จะยังมีไม่มากนัก แต่สำหรับอนาคตอันใกล้ เอสเอ็นไอจะดำเนินการยกธนาคารไว้ที่บ้านของลูกค้าเลย
ด้วยวิธีการคล้ายอีดีไอหรืออินเตอร์เน็ต คือ ลูกค้าจะสามารถใช้คอมพิวเตอร์สื่อสารติดต่อได้เกือบทั้งหมดกับธนาคาร
ซึ่งขณะนี้เอสเอ็นไอเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว
ตามสนามบินต่างๆ โดยเฉพาะที่แฟรงก์เฟิร์ตกับเบอร์ลิน บริษัทการบินลูฟธ์ธันซ่าของคนเยอรมันเอง
มีการเช็คอินด้วยสมาร์ทการ์ดที่บรรจุชิปการ์ดและข้อมูลที่จำเป็นไว้ข้างใน
ใช้ง่าย รวดเร็ว สะดวกสบาย
ซึ่งสมาร์ดการ์ดใบเดียวนี้ สามารถใช้กับธุรกิจต่างๆ ได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่โทรศัพท์,
ที่จอดรถ, ระบบขนส่งมวลชน, สถานีรถไฟ และสนามบินอย่างที่กล่าวไปเพียงใบเดียวก็ฉลุยไปในทุกสิ่ง
การใช้ก็ไม่ต้องสอดใส่ให้ยุ่งยากเหมือนเอทีเอ็มบ้านเรา เพียงยื่นสมาร์ทการ์ดไปที่หน้าเครื่องอ่านด้วยระยะพอประมาณ
(ไม่เกิน 1 เมตร) เครื่องก็จะอ่านข้อมูลจากเราและขึ้นเมนูต่างๆ ให้กดสั่งการ
นับเป็นการประหยัดเวลานักธุรกิจที่เร่งรีบได้เป็นอันมาก
ทั้งนี้ แบรนด์เนมซีเมนส์ไม่เพียงพบที่สนามบินเท่านั้น ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต
ศูนย์การค้าหรือตามสถานที่สำคัญๆ ก็จะเห็นเกือบทุกหนทุกแห่ง จะนั่งรถยนต์บีเอ็มดับบลิวก็เห็นระบบคอมพิวเตอร์ของซีเมนส์
จะนั่งแท็กซี่ก็เห็นวิทยุสื่อสารของซีเมนส์ หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินก็เป็นระบบของซีเมนส์เสียอีก
แทบทุกอย่างเป็นซีเมนส์ไปเกือบหมด ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า 38 พันล้านดอยช์มาร์ค
จะเป็นรายได้ในส่วนของเยอรมันนีประเทศเดัยว
และจากยอดดังกล่าวหากบวกตลาดต่างประเทศ 53.9 พันล้านดอยช์มาร์ค จะเป็นตัวเลขของรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทถึง
9.19 พันล้านดอยช์มาร์ค ด้วยแรงงานและมันสมองของคนจำนวน 372,000 คน โดยอยู่ในเยอรมันนี
260,000 คน และภูมิภาคอื่น (รวมไทยด้วย) ประมาณ 112,000 คน จากก้าวแรกเมื่อ
1 ตุลาคม 1847 ด้วยคนงานเพียง 10 คนเท่านั้น
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซีเมนส์ได้ริเริ่มและผลิตประดิษฐกรรมที่สำคัญหลายอย่าง
เช่น รถไฟฟ้า, ระบบสัญญาณไฟจราจรในเยอรมันนี, เทเล็กซ์เน็ตเวิร์ค, EWSD หรือระบบสวิตชิ่งแบบดิจิตอล,
HICOM หรือระบบสื่อสารครบวงจรในสำนักงาน, ชิปมาตรฐานสำหรับระบบไอเอสดีเอ็น
อีกยังเป็นบริษัทแรกที่วางสายเคเบิลใต้น้ำในฟิลิปปินส์
นโยบายต่างประเทศด้วยการทำตัวเป็นคนท้องถิ่น อันหมายถึงการร่วมมือกับคนในประเทศนั้นๆ
มิใช่ทำตัวเป็นคนนอกที่เห็นดีมานด์แล้วเข้ามาทำเอง
ทั่วทั้งภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ซีเมนส์ร่วมมือกับคนท้องถิ่นทั้งหมด โดยเฉพาะในเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย,
การสื่อสารแห่งประเทศไทย, รวมถึงบริษัทเอกชนอย่างเทเลคอมเอเชีย, ทีทีแอนด์ที,
บีกริม แอนด์โกและไทยสงวนวานิช เหล่านี้นับเป็นความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อย่างมากของซีเมนส์
เพราะนั่นหมายถึงสายสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วของท้องถิ่น ไม่ว่าจะตื้น ลึก หนา
บางเพียงใด
แต่อนาคตสำหรับเอสเอ็นไอของซีเมนส์ ก็ดูจะไม่สดใสเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุที่เข้ามาช้ากว่าคู่แข่งอยู่หลายสิบปี
โดยเฉพาะไอบีเอ็มและคอมแพ็ค แต่เอสเอ็นไอก็ตั้งเป้ายอดขายไว้ในส่วนเอเซียแปซิฟิคในปีนี้ถึง
8.6 พันล้านดอยช์มาร์ค ซึ่งคงไม่ฉลุยนักหรือจะเผลอหรือชล่าใจก็ไม่ได้ทีเดียวเพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ
ทั่วโลกต่างก็เข้ามารุมทึ้งกันแต่ที่นี่ ที่เอเซียแปซิฟิค ไม่เว้นแม้หน่วยงานของประเทศนั้นๆ
เอสเอ็นไอนอกจากจะต้องต่อกรกับบริษัทข้ามชาติด้วยกันแล้ว เอสเอ็นไอยังจะต้องต่อกรกับบริษัทท้องถิ่นที่นับวันจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ
แม้จะใช้กลยุทธ์ร่วมมือกับคนท้องถิ่นก็ตาม
ดังนั้นคงต้องจับตากันอีกภายในปีสองปีนี้ ปีที่บิลเกตส์แห่งไมโครซอฟต์ขนานนามว่า
ปีแห่งยุคไอทีของโลกนั้น เอสเอ็นไอผู้เชี่ยวชาญไอทีจากเยอรมันนีจะสามารถเข้ามามีเอี่ยวได้มากน้อยแค่ไหน