"ไทยพาณิชย์" หันจับมือวาณิชธนกิจชื่อดัง "โกลแมนซาคส์" หลังเจรจามานาน หวังส่งบล.ไทยพาณิชย์ขึ้นผู้นำธุรกิจค้าหุ้น ตลอดจนสนับสนุนให้ธนาคารไทยพาณิชย์เดินหน้าสู่ "Universal Bank" เผยโกลแมนซาคส์ช่วยหนุนด้านวาณิชธนกิจที่จะมีจำนวนมาก และงานด้านวิจัยหุ้นให้กับลูกค้าต่างประเทศ ยันให้ความสำคัญกับลูกค้าในประเทศเหมือนเดิม

หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ประกาศเป้าหมายมุ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการด้านการเงินแบบครบวงจร หรือ "Universal Bank" ทำให้ธุรกิจด้านการเงินในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด ถูกกำหนดให้ดำเนินนโยบายธุรกิจสอดรับกับนโยบายของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือบริษัทแม่

ในส่วนบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) บริษัทลูกที่ทำธุรกิจด้านหลักทรัพย์ และถือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ธนาคารไทยพาณิชย์ ล่าสุดหลังประกาศวิสัยทัศน์ขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์แล้วได้ตัดสินใจร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทวาณิชธนกิจชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แหล่งข่าวจากวงการค้าหลักทรัพย์ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เพื่อมุ่งสู่การเป็น "Universal Bank" ของธนาคารไทยพาณิชย์ทำให้ที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีการวางกลยุทธ์ให้บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นใหญ่ 100% เป็นหน่วยสำคัญในการสร้างรายได้บริการจากธุรกิจหลักทรัพย์ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญให้บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เป็นผู้นำในด้านบริการทางธุรกิจหลักทรัพย์แบบครบวงจร

ดังนั้น ในการผลักดันบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ขึ้นสู่ผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้ตัดสินใจเปิดทางให้มีพันธมิตรทางธุรกิจจากต่างประเทศเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และผลประโยชน์ร่วมกัน

"ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เปิดทางให้บริษัท โกลแมนซาคส์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เข้ามาร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญากันไปแล้ว"

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดทางให้บริษัทโกลแมนซาคส์เข้ามาร่วมทำธุรกิจกับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ นับว่าสอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการ บล. ไทยพาณิชย์ จำกัด ได้ประกาศวิสัยทัศน์ว่าจะเป็นผู้นำทางธุรกิจหลักทรัพย์ด้วยบริการที่ครบวงจร และสร้างความแข็งแกร่งร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และพันธมิตรทางธุรกิจตามแนวคิดการเป็น Universal Bank

นอกจากนั้นยังได้ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2548 บริษัทไว้ที่ 1,400 ล้านบาท และมาร์เกตแชร์ในธุรกิจ นายหน้าค้าหลักทรัพย์ 5% ในขณะที่ผลประกอบการปี 2547 บริษัทคาดว่าจะมีรายไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 900 ล้านบาท ประมาณ 35% ทั้งนี้ รายได้มาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 80% ด้านวาณิชธนกิจ 20%

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การเข้ามาของโกลแมนซาคส์น่าจะเข้ามาเสริมในด้านงานวาณิชธนกิจ ซึ่งโกลแมนซาคส์มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ และการเข้ามาจะมีลักษณะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้นไม่ได้ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ซึ่งจะคล้ายกับกรณีของบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเมอร์ริล ลินช์ เป็นพาร์ตเนอร์หรือพันธมิตรทางธุรกิจ

นอกจากนี้ ในส่วนของความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ยังมีเรื่องของบทวิเคราะห์ ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมการวิจัยในหลายด้าน รับรู้ข้อมูลในเชิงลึกในและต่างประเทศ ซึ่งจะมาเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งนอกจากงานด้านวาณิชธนกิจที่ในปี 48 นี้จะมีจำนวนมาก

"เรื่องงานวิจัยคงขึ้นอยู่กับทีมงานวิจัยของแต่ละแห่ง โดยแต่ละที่ยังเน้นให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง โดยในส่วนของบล.ไทยพาณิชย์จะยังเน้นลูกค้าในประเทศเป็นหลัก และในส่วนพันธมิตรใหม่บทวิเคราะห์จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้านักลงทุนต่างชาติ"

ทั้งนี้ ด้วยบทวิเคราะห์ที่ครอบคลุมการวิจัยในหลายด้าน การรับรู้ข้อมูลทั้งเชิงลึกในประเทศต่าง ประเทศจะมาเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของบริษัท