Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2540
ปตท.สผ. โชว์แผนงาน 5 ปี สร้างรายได้ให้ต่อเนื่อง             
 

   
related stories

กรมศุลฯ-ปตท. ความสับสนที่ส่อพิรุธเด่นชัด

   
www resources

โฮมเพจ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)

   
search resources

ปตท., บมจ.
ปรัชญา ภิญญาวัธน์
Oil and gas




จากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในช่วงปี 2539 อยู่ในสภาวะชะลอตัว เนื่องจากปริมาณการส่งออกลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียง 11.1% แม้ว่าความต้องการใช้พลังงานจะชะลอตัวลง แต่ปริมาณการใช้ปิโตรเลียมกลับยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคการขนส่ง โดยมีอัตราการผลิตจากแหล่งภายในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกับอัตราการนำเข้า สะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลทำให้การจัดหาและนำเข้าพลังงานจากหลายแหล่งและรูปแบบต่างๆ กลายเป็นสิ่งจำเป็นและมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) คือความหวังของประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาพลังงานของประเทศไทย รวมทั้งยังเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทน้ำมันนานาชาติเพื่อดำเนินการสำรวจ พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

"ในรอบปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนาองค์กรทั้งด้านการลงทุนและการเงิน สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย มีปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วคิดเป็น 502 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 3% มีการเปิดดำเนินงานโครงการบงกชระยะที่ 2 ลงนามในสัญญาขายก๊าซฯ โครงการ B12/27 และโครงการบงกชเพิ่มเติมกับ ปตท.รวมถึงได้รับสิทธิในแปลงสัมปทาน B13/38 จากรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ในอเมริกา" ดร. ปรัชญา ภิญญาวัธน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) กล่าวถึงความสำเร็จในการดำเนินงานปี 2539

จากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2539 ของ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.93% เมื่อเทียบกับปี 2538 ที่มีรายได้รวม 4,517.09 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิ 1,078.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.79% เมื่อเทียบกับปี 2538 ที่มีกำไรสุทธิ 956.44 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้น 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 12.62% เทียบกับปี 2538 ที่มีกำไรต่อหุ้น 3.09 บาท

ด้านค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 31.22% จาก 3,043.95 ล้านบาทในปี 2538 เป็น 3,994.46 ล้านบาทในปี 2539 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการสำรวจแหล่งน้ำมัน ค่าภาคหลวงที่เพิ่มขึ้นตามรายได้จากการขาย และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

"ปัจจัยที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น คือ ปริมาณการผลิตรวมในส่วนของ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยตลอดปี 2539 เท่ากับ 14 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ สูงขึ้นจากปริมาณการผลิตปี 2538 ประมาณ 31% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติของโครงการบงกชจากวันละ 250 ล้านลูกบาศก์ฟุต เป็นวันละ 350 ล้านลูกบาศก์ฟุตในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว รวมทั้งราคาน้ำมันและก๊าซฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้น" ดร. ปรัชญากล่าว

ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการบงกช, S1, E5, UNOCAL3 และ PTTEP1 ซึ่งโครงการบงกชจะเป็นโครงการที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวทำรายได้ให้บริษัทมากที่สุดประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด ที่เหลือรายได้มาจากก๊าซธรรมชาติประมาณ 26%, LPG 11% และคอนเดนเสทประมาณ 3% ซึ่งโครงการเหล่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมาก อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้ คือ สร้างอัตราการเติบโตให้กับยอดขายให้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยน่าจะทำได้ในระดับ 25% ขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงปี 2535-2539 บริษัทมียอดขายขยายตัว 24.68%, 40.74%, 43.55%, 17.77% และ 44.77% ตามลำดับ

ดังนั้น ปตท.สผ. จึงมีแผนการดำเนินงานและการลงทุน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2540-2544 ได้แก่โครงการบงกช, B12/27, JDA, เมาะตะมะและโครงการอื่น ได้แก่ B5/27, S1, E5 ซึ่งโครงการเหล่านี้คือความหวังของ ปตท.สผ. สำหรับการสร้างรายได้ในอนาคต

โครงการที่ ปตท.สผ. ให้ความสำคัญมากที่สุด คือ โครงการบงกช โดยสัดส่วนเงินลงทุนสูงถึง 33.3% หรือประมาณ 11,655 ล้านบาทของเงินลงทุนทั้งหมด โดย ปตท.สผ. ถือหุ้นสัดส่วน 40% เริ่มดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2536 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีแผนที่จะติดตั้งอุปกรณ์เพื่อพัฒนาและเพิ่มกำลังการผลิตจากอัตราวันละ 350 ล้านลูกบาศก์ฟุตในปัจจุบันเป็นวันละ 550 ล้านลูกบาศก์ฟุตในปี 2541 นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังจะรับเป็นผู้ดำเนินโครงการนี้เองในกลางปี 2541 ด้วย

ด้านโครงการบี 12/27 มีสัดส่วนเงินลงทุน 25% หรือประมาณ 8,750 ล้านบาทของเงินลงทุนทั้งหมด โดย ปตท.สผ. ถือหุ้นสัดส่วน 45% บริษัทมีเป้าหมายจะเริ่มการผลิตให้สามารถส่งก๊าซฯ ได้ในปี 2542

โครงการเมาะตะมะมีสัดส่วนเงินลงทุน 13.4% หรือประมาณ 4,690 ล้านบาทของเงินลงทุนทั้งหมด โดย ปตท.สผ. ถือหุ้นสัดส่วน 25.50% มีเป้าหมายจะพัฒนาแหล่งยานาดาและวางท่อก๊าซฯ จากอ่าวเมาะตะมะมายังชายแดนไทยให้แล้วเสร็จภายในปีนี้เพื่อสามารถเริ่มผลิตก๊าซฯ ในระดับ 325 ล้านลูกบาศก์ฟุตในปลายปี 2541 และเพิ่มเป็น 525 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในกลางปี 2542

ส่วนโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA หลังจากได้ดำเนินการขุดหลุมสำรวจหลุมแรกในปี 2538 ล่าสุดแผนเร่งพิสูจน์ปริมาณสำรองก๊าซฯ โดยในปี 2540 จะดำเนินการเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมิน พร้อมทั้งดำเนินการเจรจาสัญญาซื้อขายก๊าซฯ กับ ปตท.และปิโตรนาส หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการพัฒนาแหล่งก๊าซฯ โดยมีเป้าหมายว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปี 2543 ปริมาณวันละ 250 ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยโครงการนี้ ปตท.สผ. ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 8,295 ล้านบาทของเงินลงทุนทั้งหมด หรือ 23.7% โดย ปตท.สผ. ถือหุ้นสัดส่วน 50%

และยังมีโครงการอื่นๆ อีก เช่น บี 5/27 ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและพิจารณาหาผู้ร่วมทุน โครงการ S1 มีเป้าหมายดำเนินการที่จะรักษาระดับการผลิตที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท โครงการ UNOCAL3 ใช้เงินลงทุนประมาณ 630 ล้านบาทและโครงการอี 5 มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นวันละ 90 ล้านลูกบาศก์ฟุต

นอกจากนี้ ปตท.สผ. มีความสนใจลงทุนในโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมทั้งในและนอกประเทศ โดยมีโครงการที่สำคัญในประเทศได้แก่ พื้นที่คาบเกี่ยวไทย-เวียดนาม ซึ่ง ปตท.สผ. เตรียมเข้าดำเนินการเมื่อมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย และยังมีข้อเสนอให้บริษัทเข้าร่วมทุนจากผู้ได้รับสัมปทานแปลงสำรวจในประเทศ เช่น ในอ่าวไทย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนในต่างประเทศจะเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซฯ เยตากุน ในพม่า และโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซฯ นาทูนาในอินโดนีเซีย รวมทั้งโครงการลงทุนอื่นๆ ในภูมิภาคใกล้เคียง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย จีน กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

สาเหตุที่ ปตท.สผ. ต้องผุดโครงการต่างๆ มากมายและต่อเนื่องนั้น เรื่อง ดร. ปรัชญา เล่าว่า เพื่อให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและไม่สามารถจะหยุดอยู่กับที่ได้ต้องขยายไปเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทจะใช้จุดแข็งตรงที่ไทยเป็นตลาดก๊าซฯ ในการขยายธุรกิจของ ปตท.สผ. และนับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากเพราะขณะที่ไทยต้องการใช้ก๊าซฯ มาก แต่ประเทศเพื่อนบ้านยังมีความต้องการใช้น้อย จึงมองว่าโอกาสที่ ปตท.สผ. จะเข้าไปลงทุนจึงมีสูง

"ช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงที่เราลงทุนสูงมากและรายได้อาจจะเข้ามายังไม่มาก แต่จะเห็นรายได้เข้ามาปี 2541 และจะเริ่มเด่นชัดในช่วงปี 2542-2543 แต่เมื่อเราต้องการให้บริษัทโตอย่างต่อเนื่องเราจึงเริ่มโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลานี้เรามีโครงการที่ดำเนินอยู่และโครงการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2544 เพราะถ้าไม่มีโครงการอะไรแล้วต่อไปเราจะแย่" ดร. ปรัชญา กล่าว

แผนการดำเนินการโครงการต่างๆ เหล่านี้จะต้องใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 35,000 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะเป็นการกู้จากต่างประเทศ ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2539 ปตท.สผ. ได้ระดมทุนโดยออกหุ้นกู้จำหน่ายในอเมริกา หรือ Yankee Bond จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท นับว่าเป็นรัฐวิสาหกิจไทยรายแรกที่ระดมทุนด้วยการจำหน่ายหุ้นกู้ในอเมริกา

"เงินจำนวนนี้เราจะมาใช้ในโครงการ B12/27 ส่วนเงินล็อตที่ 2 ที่จะนำมาใช้ในโครงการอื่นๆ คาดว่าจะเข้ามาประมาณไตรมาส 2-3 นี้ ซึ่งคงต้องดูหลายๆ ปัจจัยว่าจะกู้เข้ามาได้เท่าไหร่ เพราะขณะนี้เงินสดยังเหลืออยู่ ส่วนการออกหุ้นกู้นั้นเราพิจารณาตลาดทุนต่างๆ เช่น ตลาด Yankee ในอเมริกา, ตลาด Euro ในยุโรปและตลาด Samurai Bond ในญี่ปุ่น" ดร. ปรัชญา เล่า

แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการระดมทุนมาก แต่ ดร. ปรัชญา ยังมั่นใจว่าไม่กระทบต่อ ปตท.สผ. เพราะโครงการของบริษัทเป็นโครงการที่ดีมีความแน่นอน ทำให้ผู้กู้สบายใจและเนื่องจากว่ารายได้เป็นรายได้ในรูปเงินดอลลาร์ จึงมีความเสี่ยงน้อยมากเมื่อเรากู้เงินเป็นดอลลาร์

"เราอยากเห็นการขยายตัวไปเรื่อยๆ" ดร. ปรัชญา กล่าวตบท้าย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us