ชื่อเสียงของเกอร์เบอร์ ในฐานะผู้ผลิตอาหารเด็ก ที่ครองความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา
อาจไม่เพียงพอสำหรับการทำตลาดในประเทศไทย เมื่อคู่แข่งขันสำคัญ ที่มีอยู่ล้วนลงหลักปักฐานสินค้าชนิดเดียวกันนี้ไว้อย่างมั่นคง
และดูเหมือนว่าภารกิจของเกอร์เบอร์ บนเวทีแห่งนี้คงต้องเผชิญกับงานหนักไม่น้อย
แม้ว่าอาหารสำหรับทารก และเด็กเล็กตราเกอร์เบอร์ จะมีจำหน่ายในประเทศไทยมานานพอสมควร
แต่ตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา โนวาร์ตีส ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ไม่ได้เข้ามาดูแลเรื่องการตลาดมากนัก
จนเมื่อไม่นานมานี้ โนวาร์ตีส นิวทริชั่น ประเทศไทย ได้เปิดตัวเกอร์เบอร์
ซีเรียลอย่างเป็นทางการ และนับเป็นกิจกรรมแรกของเกอร์เบอร์ในประเทศไทย
อเล็กซ์ คิง กรรมการผู้จัดการ บริษัทโนวาร์ตีส นิวทริชั่น (ประเทศไทย) และหัวหน้าแผนก
Consumer Health ของ โนวาร์ตีส ประจำภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และไทย กล่าวถึงเป้าหมายการตลาดของเกอร์เบอร์ไว้อย่างน่าสนใจว่า
จะต้องดำเนินกิจกรรมครบรูปแบบอย่างจริงจัง เพื่อสร้างชื่อเกอร์เบอร์ให้ติดตลาดในเมืองไทยให้ได้
"เราได้วางแผนสนับสนุนทางการตลาดแบบผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทางโทรทัศน์
และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงกิจกรรมในร้านค้า และกิจกรรมพิเศษอื่นๆ"
ความคาดหวังของโนวาร์ตีส ในการทำตลาดเกอร์เบอร์ ซีเรียล ในประเทศไทยตั้งอยู่บนพื้นฐาน ที่เชื่อว่า
ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจในคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ขณะที่อาหาร ที่จัดเตรียมให้กับทารก และเด็กเล็กมีสารอาหารไม่เพียงพอต่อระดับความต้องการของร่างกาย
โดยเฉพาะธาตุ เหล็ก และไอโอดีน ซึ่งเป็นสารอาหาร ที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการของเด็กทารก
ประกอบกับอาหารชนิดบรรจุขวดมีราคาแพงเกินไป
เกอร์เบอร์ ซีเรียล ที่ได้เปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้ มีให้เลือก 3 สูตร
ประกอบด้วยสูตรข้าวเจ้าผสมไก่บด สูตรข้าวเจ้าผสมกล้วยบด และสูตรข้าวเจ้าผสมผลไม้รวม
โดยวางจำหน่ายทั้งในแบบชนิดกล่อง และชนิดกระป๋อง ทั้งนี้ในการผลิตเกอร์เบอร์
ซีเรียลทั้งสามสูตร อาศัยวัตถุดิบภายในประเทศเกือบทั้งหมด จากเดิม ที่ผลิตภัณฑ์ของเกอร์เบอร์ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูปจากสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
นอกจากนี้ การผลิตเกอร์เบอร์ในประเทศไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งอเล็กซ์ คิง ให้เหตุผลว่า "โนวาร์ตีส เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวรายใหญ่ของภูมิภาค
และมีความเหมาะสม ที่จะเป็นศูนย์กลางการส่งออกเพราะได้ประโยชน์จากอัตราภาษี ที่จะลดลงหลังการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน
(AFTA) ในปี 2003" โดยซีเรียล ที่ผลิตได้ในปัจจุบันส่วนหนึ่งจะส่งออกไปยังตลาดมาเลเซีย
สิงคโปร์ และประเทศในภูมิภาค
ความสำเร็จของเกอร์เบอร์ ในตลาดอเมริกา นับเป็นเรื่องราว ที่น่าประทับใจ
เพราะจากจุดเริ่มต้นในปี 1928 เป็นต้นมา สินค้าของเกอร์เบอร์สามารถครองความนิยมในหมู่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
โดยจากการสำรวจขององค์กรอิสระในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์เมื่อปี
1998 พบว่า เกอร์เบอร์เป็นเครื่องหมายการค้า ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด
ขณะที่ยอดขายของเกอร์เบอร์สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐอเมริกาได้มากถึง
70-80% มาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยนั้น พันทิพา พงศธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โนวาร์ตีส
นิวทริชั่น (ประเทศไทย) เชื่อว่า ในปีแรกของการทำตลาดเกอร์เบอร์ ซีเรียล
ในประเทศ ไทย เกอร์เบอร์จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากกว่า 20% ท่ามกลางการเติบโตของตลาดซีเรียล ที่กำลังขยายตัวในอัตรา
15%
ในช่วงปีที่ผ่านมา โนวาร์ตีส นิวทริชั่น (ประเทศไทย) สามารถสร้างรายได้จากการขายได้มากถึง
3,600 ล้านบาท โดย 80% ของรายได้ในส่วนนี้เกิดจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้
เครื่องหมายการค้า โอวัลติน เพียงอย่างเดียว ขณะที่เกอร์เบอร์ และโวลทาเรน
อิมัลเจล สร้างรายได้ให้ โนวาร์ตีส ประเทศไทย เพียง 20% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี การแข่งขันในตลาดอาหารสำหรับทารก และเด็กเล็ก ที่เกอร์เบอร์จะต้องเผชิญในขณะนี้
ถือว่าประกอบด้วยคู่แข่งขัน ที่เปี่ยมศักยภาพทั้งสิ้น โดยในส่วนของอาหารสำเร็จรูปบรรจุขวด
(jar food) เกอร์เบอร์ต้องต่อกรกับไฮนซ์ ขณะที่ในตลาดซีเรียล เกอร์เบอร์
ต้องปะทะกับคู่แข่งสำคัญอย่างเนสท์เล่ ซีรีแล็ค ซึ่งครองความโดดเด่นในตลาดนี้มาอย่างเนิ่นนาน
ความพยายาม ที่จะการทำตลาดเกอร์เบอร์ ซีเรียล ในประเทศไทยนับจากนี้จึงเป็นกรณี ที่น่าติดตามว่า
โนวาร์ตีส นิวทริชั่น จะมีศักยภาพมากน้อยเพียงใดในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอาหารเด็ก
โดยเฉพาะซีเรียล ที่ต้องเผชิญกับคู่แข่งขัน ที่เข้มแข็งบนเวทีแห่งนี้