|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บลจ.ไทยพาณิชย์เผยนักลงทุนแห่จองกองทุนรวม LTF ยอดทะลุ 1.4 พันล้านบาท เชื่อมั่นผลตอบแทนในอนาคตจากการลงทุนในตลาดหุ้นสดใส อานิสงส์เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฟื้น
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับข้อมูลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กับผู้ที่สนใจลงทุนนั้น ปรากฏว่า มีผู้สนใจลงทุนในกองทุนดังกล่าวจำนวนมาก เห็นได้จากกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวพลัส มีผู้ไว้วางใจเข้ามาลงทุน ณ วันที่ 4 มกราคม 2548 กว่า 10,000 ราย โดยมียอดทรัพย์สินสุทธิถึง 1,400 ล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนค่อนข้างมาก จนทำให้เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่กว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับผลตอบแทนการลงทุนของกองทุน LTF ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ผ่านมา กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนระยะยาวปันผล 70/30 ให้ผลตอบแทน 2.79% และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส ให้ผลตอบแทน 3.53% (ณ วันที่ 4 มกราคม 2548)
อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในกองทุน LTF มากนั้น นอกเหนือจากได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีและผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยทางด้านการลงทุน โดยได้มีการลงทุนในระยะยาวมากขึ้น และที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงมีแนวโน้มที่ดีด้วยเช่นกัน
สำหรับภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจใน ปี 2548 บลจ.ไทยพาณิชย์เชื่อว่ายังคงมีแนวโน้มและทิศทางที่ดีต่อไป เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนยังต้องขยายกำลังการผลิต การส่งออก และการลงทุนยังเป็นปัจจัยหลักที่จะเกื้อหนุนการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนในหุ้นยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ดังนั้น จึงส่งผลทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกันมากขึ้น
|
|
 |
|
|