Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 มกราคม 2548
ลุ้นยอดLTFโตเท่าตัวในปี'48ธนชาติงัดกลยุทธ์บุกถึงโรงงาน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทเงินทุนธนชาติ

   
search resources

ธนชาต, บลจ.
Funds




นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนลุ้นปี'48 เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ บลจ.ธนชาติงัดกลยุทธ์เคาะประตูโรงงานผ่านพนักงานฝ่ายการตลาด เจาะกลุ่ม "มนุษย์เงินเดือน" หวังทำยอด 1.5 พันล้านบาท ภายในสิ้นปี

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ของนักลงทุนในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ากองทุน LTF ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความรู้เกี่ยวกับกองทุน และที่สำคัญกองทุนดังกล่าวได้ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น

สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุน LTF ของบลจ. ทั้งระบบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,633.93 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนตุลาคมมียอดรวม 1,386.61 ล้านบาท เดือนพฤศจิกายน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,726.73 ล้านบาท และเดือนธันวาคม 2,907.20 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ของบลจ.ทั้งระบบระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 12,237.87 ล้านบาท โดยในเดือนพฤศจิกายน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9,798.87 ล้านบาท ก่อนขยับมาเป็น 12,237.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,439 ล้านบาท ในเดือนธันวาคม 2547 ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนในเดือนธันวาคมมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 7,281.59 ล้านบาท

นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.ธนชาติ) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านการตลาด เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากองทุนหุ้นระยะยาวให้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) เป็นอันดับ 5 ของกองทุน LTF โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 319.68 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 5.67% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 5,633.93 ล้านบาท ในปี 2547

"ทีมขายของเราจะไปโรดโชว์ตามนิคมอุตสาหกรรม ตามบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักมากในปีนี้ เพื่อที่จะทำให้เพิ่มฐานลูกค้า โดยในปีนี้เราตั้งเป้าขายหน่วยลงทุนเพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท"

นายกำพลกล่าวว่า จากการสรุปภาพรวมนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุน LTF ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีรายได้ประจำเป็นหลัก ทำให้เราจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การแนะนำขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัท ซึ่งในปีนี้ฝ่ายการตลาดจะออกไปให้ความรู้ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด, ศรีราชา และบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับทีมฝ่ายการตลาดที่จะออกโรดโชว์ตามบริษัทต่างๆ บริษัทได้เตรียมความพร้อมด้วยการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ โดยการจัดให้มีการประชุมร่วมกับผู้จัดการกองทุนของบริษัท เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับกองทุนมากขึ้น โดยจะมีการประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายการตลาดสามารถอธิบายถึงผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าที่จะซื้อหน่วยลงทุนของบริษัทให้เข้าใจถึงรูปแบบการออมผ่าน LTF ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

สำหรับการออกไปโรดโชว์ของฝ่ายการตลาด คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

นายกำพล กล่าวว่า แม้ว่าการแข่งขันของธุรกิจกองทุนรวม ในการขายหน่วยลงทุน LTF ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง มีทั้งลดแลกแจกแถมให้แก่ลูกค้า เพื่อจูงใจให้ลงทุนผ่านกองทุน LTF ของแต่ละบลจ. แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำนักลงทุนคือ อย่าดูเพียงของ แจกหรือของแถมเท่านั้น อยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุนให้ดีว่ามีความสอดคล้องกับแผนทางการเงินของผู้ซื้อหน่วยลงทุนหรือไม่ ค่าธรรมเนียมในการจัดการที่แต่ละบริษัทคิดกับลูกค้าแล้วนำมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหน่วยลงทุน

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมการแข่งขันจะรุนแรง แต่ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการแข่งขันที่สูงจะทำให้นักลงทุนรู้สึกตื่นตัว และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้

สำหรับการลงทุนของบลจ. ธนชาติ ในการลงทุนของกองทุน LTF จะเน้นหุ้นในกลุ่มที่จ่ายปันผล ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีอ้างอิง ซึ่งสังเกตได้จากในปีที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะลดลงถึง 13.48% แต่ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ธนชาติ ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยลดลงเพียง 3.96% เท่านั้น สำหรับกองทุนปิดที่ลงทุนในตราสารทุน

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. ธนชาติ ย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของกองทุนปิดตราสารทุนจะ พบว่า อัตราผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ยสูงถึง 161.78% ขณะที่อัตราผล ตอบแทนย้อนหลังของดัชนีตลาด หลักทรัพย์อยู่ที่ 111.60%

สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนปิดตราสารทุนปิดตราสารทุนของ บลจ.ธนชาติ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2547 กองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 1 มูลค่าหน่วยลงทุน 14.4843 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 724.22 ล้านบาท ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 161.25% กองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 2 มูลค่าหน่วยลงทุน 12.9540 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 647.70 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 161.84% และกองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 3 มูลค่าหน่วยลงทุน 13.6938 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,369.38 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 162.05%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us