นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนลุ้นปี'48 เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ บลจ.ธนชาติงัดกลยุทธ์เคาะประตูโรงงานผ่านพนักงานฝ่ายการตลาด เจาะกลุ่ม "มนุษย์เงินเดือน" หวังทำยอด 1.5 พันล้านบาท ภายในสิ้นปี
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ของนักลงทุนในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ากองทุน LTF ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความรู้เกี่ยวกับกองทุน และที่สำคัญกองทุนดังกล่าวได้ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุน LTF ของบลจ. ทั้งระบบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,633.93 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนตุลาคมมียอดรวม 1,386.61 ล้านบาท เดือนพฤศจิกายน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,726.73 ล้านบาท และเดือนธันวาคม 2,907.20 ล้านบาท
ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ของบลจ.ทั้งระบบระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 12,237.87 ล้านบาท โดยในเดือนพฤศจิกายน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9,798.87 ล้านบาท ก่อนขยับมาเป็น 12,237.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,439 ล้านบาท ในเดือนธันวาคม 2547 ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนในเดือนธันวาคมมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 7,281.59 ล้านบาท
นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.ธนชาติ) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านการตลาด เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากองทุนหุ้นระยะยาวให้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) เป็นอันดับ 5 ของกองทุน LTF โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 319.68 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 5.67% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 5,633.93 ล้านบาท ในปี 2547
"ทีมขายของเราจะไปโรดโชว์ตามนิคมอุตสาหกรรม ตามบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักมากในปีนี้ เพื่อที่จะทำให้เพิ่มฐานลูกค้า โดยในปีนี้เราตั้งเป้าขายหน่วยลงทุนเพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท"
นายกำพลกล่าวว่า จากการสรุปภาพรวมนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุน LTF ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีรายได้ประจำเป็นหลัก ทำให้เราจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การแนะนำขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัท ซึ่งในปีนี้ฝ่ายการตลาดจะออกไปให้ความรู้ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด, ศรีราชา และบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับทีมฝ่ายการตลาดที่จะออกโรดโชว์ตามบริษัทต่างๆ บริษัทได้เตรียมความพร้อมด้วยการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ โดยการจัดให้มีการประชุมร่วมกับผู้จัดการกองทุนของบริษัท เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับกองทุนมากขึ้น โดยจะมีการประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายการตลาดสามารถอธิบายถึงผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าที่จะซื้อหน่วยลงทุนของบริษัทให้เข้าใจถึงรูปแบบการออมผ่าน LTF ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
สำหรับการออกไปโรดโชว์ของฝ่ายการตลาด คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
นายกำพล กล่าวว่า แม้ว่าการแข่งขันของธุรกิจกองทุนรวม ในการขายหน่วยลงทุน LTF ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง มีทั้งลดแลกแจกแถมให้แก่ลูกค้า เพื่อจูงใจให้ลงทุนผ่านกองทุน LTF ของแต่ละบลจ. แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำนักลงทุนคือ อย่าดูเพียงของ แจกหรือของแถมเท่านั้น อยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุนให้ดีว่ามีความสอดคล้องกับแผนทางการเงินของผู้ซื้อหน่วยลงทุนหรือไม่ ค่าธรรมเนียมในการจัดการที่แต่ละบริษัทคิดกับลูกค้าแล้วนำมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมการแข่งขันจะรุนแรง แต่ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการแข่งขันที่สูงจะทำให้นักลงทุนรู้สึกตื่นตัว และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้
สำหรับการลงทุนของบลจ. ธนชาติ ในการลงทุนของกองทุน LTF จะเน้นหุ้นในกลุ่มที่จ่ายปันผล ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีอ้างอิง ซึ่งสังเกตได้จากในปีที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะลดลงถึง 13.48% แต่ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ธนชาติ ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยลดลงเพียง 3.96% เท่านั้น สำหรับกองทุนปิดที่ลงทุนในตราสารทุน
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. ธนชาติ ย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของกองทุนปิดตราสารทุนจะ พบว่า อัตราผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ยสูงถึง 161.78% ขณะที่อัตราผล ตอบแทนย้อนหลังของดัชนีตลาด หลักทรัพย์อยู่ที่ 111.60%
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนปิดตราสารทุนปิดตราสารทุนของ บลจ.ธนชาติ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2547 กองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 1 มูลค่าหน่วยลงทุน 14.4843 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 724.22 ล้านบาท ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 161.25% กองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 2 มูลค่าหน่วยลงทุน 12.9540 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 647.70 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 161.84% และกองทุนรวมออมสินพัฒนาภูมิภาค 3 มูลค่าหน่วยลงทุน 13.6938 บาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,369.38 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 162.05%
|