เอไอเอ เดินหน้าตั้งบลจ.เอื้อธุรกิจประกันชีวิต เบื้องต้นเพื่อสนับสนุนการขายสินค้าใหม่ "ยูนิตลิงค์" เผยขั้นตอนอยู่ระหว่างเตรียมการ คาดจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อถือหุ้นในบลจ.ใหม่ ด้านธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล เอไอเอ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารปัจจุบันมีกว่า 2 แสนล้านบาท

นายโทมัส เจ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูง และผู้จัดการทั่วไป บริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) เปิดเผยว่า เอไอเอ ได้ยื่นขอจัดตั้ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในระหว่างนี้ก็อยู่ในช่วงของการติดตามผลว่าทางก.ล.ต.จะอนุมัติหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรสะดุดก็เชื่อว่าน่าจะได้รับการอนุญาตให้มีการจัดตั้งบลจ.ได้

"เราจะตั้งได้หรือไม่ได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของ ก.ล.ต. ทำให้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าบลจ. แห่งนี้จะสามารถเปิดดำเนินการได้เมื่อไหร่ ถ้าถามถึงความรู้สึกของเรา เราก็อยากให้จัดตั้งได้เร็ว เพราะถ้ามีบลจ.ก็จะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของเอไอเอ" นายโทมัส กล่าว

สำหรับรูปแบบการจัดตั้งบลจ.ของเอไอเอ จะเป็นไปในรูปแบบที่เข้ามาเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจประกันชีวิตกำลังจะมีสินค้าใหม่ คือยูนิตลิงค์ โดยเป็นรูปแบบของการประกันชีวิตที่ควบการลงทุน และในส่วนของการลงทุนนี้จะต้องบริหารโดย บลจ. ซึ่งบริษัทต้องการที่จะบริหารเงินและหาผลตอบแทนให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ ในธุรกิจประกันชีวิต เอไอเอถือเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) เป็นอันดับ 1 โดยมีมาร์เกตแชร์กว่า 50% จากบริษัทประกันชีวิตที่มีถึง 25 บริษัท ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าเอไอเอมีฐานลูกค้า และทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เอไอเอต้องการบริหารเงินด้วยตัวเอง

"เอไอเอมีกองทุนส่วนบุคคลที่บริหารอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าเอไอเอตั้งบลจ.ได้ และโอนสินทรัพย์ในส่วนนี้ไปก็จะทำให้บลจ.แห่งใหม่นี้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรายังไม่โฟกัสไปที่กองทุนรวมหรือกองทุนส่วนบุคคล เพราะเบื้องต้นของการจัดตั้งเพื่อสนับสนุนในส่วนของยูนิตลิงค์ก่อน" นายโทมัส กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าในส่วนของการจัดตั้งบลจ.นั้น เอไอเอน่าจะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อบริหาร บลจ. เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้เอไอเอดำเนินการได้เองโดยตรง เนื่องจากเอไอเอถือเป็นเพียงสาขาที่ตั้งในประเทศไทย โดยในส่วนของบริษัทลูกนั้นเอไอเอก็จะเข้าไปถือหุ้น

อย่างไรก็ตามผู้บริหารเอไอเอ ขอไม่ให้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน ทั้งในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น และทีมผู้บริหาร บลจ.แห่งใหม่ โดยกล่าวเพียงว่าผู้ถือหุ้นนั้นจะต้องเกี่ยวพันกับทางเอไอเอที่ประเทศไทย และเอไอเอจะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาบริหาร บลจ.แห่งใหม่ แต่เรื่องนี้จัดตั้งได้เมื่อไรนั้นคงต้องใช้เวลา เพราะต้องดูว่า ในเรื่องการอนุมัติสุดท้ายแล้ว มีข้อกำหนดอะไรอีกบ้าง ดังนั้น การจัดตั้งอาจไม่เป็นไปตามกำหนดการ

ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสัวสดิ์ รองประธานฝ่ายดำเนินงานและพัฒนากลยุทธ์ กล่าวว่า ปกติการอนุมัติจะใช้เวลา 6 เดือน ซึ่งทาง ก.ล.ต.จะต้องพิจารณาถึงความพร้อมทั้งในส่วนของระบบบุคลากร และโครงสร้างในส่วนอื่นๆ ซึ่งถ้าพร้อมก็อนุมัติ ซึ่งในส่วนของเอไอเอ ก็อยู่ระหว่างการวางระบบต่างๆ ซึ่งโดยขั้นแรกที่ขออนุญาตทางกรมการประกันภัยเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 ก็ได้รับการอนุญาต และในปลายเดือนธันวาคมทาง เอไอเอก็ได้ยื่นให้กับ ก.ล.ต.

แหล่งข่าวระดับสูงจากธุรกิจประกันชีวิต กล่าวว่า ในเรื่องข้อสงสัยที่ว่า เอไอเอมีฐานะเพียงสาขาจะสามารถเข้าไปถือหุ้น หรือมีอำนาจในการจัดตั้งบลจ.หรือไม่นั้น ในเรื่องดังกล่าวถ้าได้รับการอนุมัติจากกรมการประกันภัยแล้วก็เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด และการที่เอไอเอเปิด บลจ.ขึ้นมาก็เพื่อเติมเต็มในการทำธุรกิจ