|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ซิคเว่" เผยสาเหตุลาออกจากซีอีโอร่วมดีแทค ไม่ได้ถูกกดดันจากเทเลนอร์ แต่เพราะต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ หลังดีแทค สามารถยืนบนขาตัวเองได้ ตอนนี้เปิดกว้างรอรับทุกโอกาสที่จะเข้ามา พร้อมเปิดมุมมองซิคเว่ 20 วันก่อนลาออก โดยเน้นเรื่องภาวะตลาดรวม แผนการลงทุน การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในปี 2548 การใช้ชีวิตในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้น UCOM ปิดตลาดที่ 69 บาท ลดลง 3 บาท คิดเป็น 4.17%
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานคณะกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า นายซิคเว่ เบรคเก้ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โดยการลาออกจะมีผลในวันที่ 13 มกราคม 2548 นี้
นายบุญชัย เปิดเผยถึงความรู้สึกเสียใจในการลาออกของซิคเว่ และรู้สึกขอบคุณที่ได้สร้างผลงานที่ดีเยี่ยมให้แก่ดีแทคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยซิคเว่ซึ่งเป็นผู้บริหารของเทเลนอร์ผู้ถือหุ้นในดีแทคได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการของดีแทคเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 และบริหารงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 เป็นต้นมา
ภายใต้การบริหารงานร่วมของซิคเว่ กับนายวิชัย เบญจรงคกุล ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการของดีแทคได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 45% ในรอบระยะเวลา 2 ปี และดีแทคมีกำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 2 เท่า โดยในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2547 ดีแทคมีกำไรสุทธิเป็นจำนวนถึง 3,400 ล้านบาท
จากความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนองค์กร ความมุ่งมานะในการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดีแทคสามารถพัฒนาผลประกอบการได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของดีแทคดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้ไม่สามารถกล่าวเป็นอย่างอื่นได้ ถ้ามิใช่เป็นเพราะการบริหารงานที่ดีของทีมผู้บริหารของดีแทค ภายใต้การ นำของประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมทั้งสอง
นายบุญชัย กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมและกรรมการคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงต่อไป
ด้านนายซิคเว่ กล่าวถึงสาเหตุการลาออกว่าไม่ได้ถูกกดดันหรือโดนใบสั่งจากบริษัท เทเลนอร์ เนื่องจากเทเลนอร์ต้องการให้มาช่วยบริหารดีแทคในช่วงแรกเอง และในขณะนี้เห็นว่าดีแทคสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว การลาออกจากตำแหน่งเป็นเพราะต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ
"ตอนนี้ผมยังอยู่ในประเทศไทย ยังเปิดกว้างรับโอกาสต่างๆ อยู่"
เปิดใจซิคเว่ 20 วันก่อนลาออก
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 ธ.ค. 2547 นายซิคเว่ให้ สัมภาษณ์พิเศษ "ผู้จัดการรายวัน" โดยพูดถึงแผนการลงทุนในปี 2548 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ และชีวิตในประเทศไทย รวมทั้งเทอมในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โดยนายซิคเว่กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดในปี 2548 มองว่าน่าจะมีลูกค้าใหม่จริงๆ ไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือมาก่อนประมาณ 3-4 ล้านราย ซึ่งเป็นข้อมูลที่วัดจากจำนวนซิมการ์ด ไม่ใช่จำนวนคน เพราะในความเป็นจริงแล้วลูกค้าคนหนึ่งอาจจะมีซิมการ์ดมากกว่าหนึ่ง
การคาดการณ์อีกอย่างหนึ่งของตลาดในปี 2548 ก็คือ พบว่าจะมีลูกค้าย้ายข้ามระบบประมาณ 7-8 แสนรายต่อเดือน หรือประมาณ 8-9 ล้านรายต่อปี ซึ่งมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้ต่างหากที่จะเป็นกลุ่มที่ดีแทคให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ตลาดในปี 2548 ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่ในตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยประมาณ 7-8 ล้านรายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สิ่งที่ดีแทคมุ่งมั่นต้องทำก็คือ 1. เพิ่มยอดลูกค้าใหม่จริงๆ และ 2. เพิ่มยอดในกลุ่มพวกที่ย้ายข้าม
เขากล่าวว่าการทำตลาดข้อแรกจะต้องป้องกันไม่ให้ลูกค้าไหลออกไปก่อน ข้อที่ 2 คือต้องโฟกัสในเรื่องของ 3 ประเด็นหลัก เรื่องแรกคือคุณภาพของเครือข่ายใน 20 จังหวัดหลัก เรื่องที่ 2 คือ พยายามอัปเกรดให้เป็นเครือข่ายรับส่งข้อมูลความเร็วสูงใน 20 จังหวัดนี้ เรื่องที่ 3 คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบปรับปรุงพัฒนาระบบการจัดจำหน่าย
แผนลงทุนปี 48
นายซิคเว่กล่าวถึงแผนลงทุนหลักในปี 48 ว่าความสำคัญอันแรกคือเรื่องเน็ตเวิร์ก ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ด้านคือ 1. พยายามสร้างคุณภาพการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น (Coverage Area) ในพื้นที่เป็น จุดบอดใน 20 จังหวัดเป้าหมาย 2. การย้ายสถานีฐาน หรือ Re Located ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มีการใช้งาน ได้ดีขึ้น และ 3. ขยายเน็ตเวิร์กให้ลงไปครอบคลุมใน ระดับอำเภอ หรือพื้นที่ซึ่งยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์กันเลย โดยใช้จุดแข็งในเรื่องราคาประหยัด
ความสำคัญอันดับ 2 คือ การลงทุนด้านซอฟต์แวร์ CRM โดยจะมีการคัดพนักงานมากลุ่มหนึ่งเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า โดยโทรศัพท์ไปหาลูกค้า วิเคราะห์รูปแบบการใช้งานเพื่อหาแพกเกจที่เหมาะสม ถึงแม้การเปลี่ยนแพคเกจดังกล่าวหมายถึงทำให้รายได้ของบริษัทลดลงก็ต้องยอม เพื่อ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีความสำคัญกับดีแทค
นอกจากนี้ ดีแทคจะมีคล้ายๆ วารสารมีอะไรส่งถึงลูกค้าตลอดเวลา พยายามจะให้ลูกค้าอัปเดตตลอดในเรื่องของโปรโมชันใหม่ หรือบริการใหม่ที่ ดีแทคนำเสนอ แต่ในด้านของกรุงเทพฯสิ่งที่ทำแล้ว คือ บริการในตระกูลใจดี ไม่ว่าจะเป็นใจดีให้ยืมหรือใจดีให้แลก ซึ่งในปี 2548 จะทำตลาดในแนวทางนี้ต่อไป
"ดีแทคต้องการที่จะลบล้างมุมมองของตลาดที่มองกรุงเทพฯ ว่ายึดติดกับโมเดลอย่างเดียวเลยว่า ค่าบริการถูก คือเราอยากจะทำลายความเชื่ออันนั้นไปแล้วก็อยากจะยกระดับกรุงเทพฯ ให้สูงขึ้นด้วยการเพิ่มพวกบริการพิเศษเหล่านี้"
การเปลี่ยนแปลงตลาด
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ เขาเห็นว่าค่าเชื่อมโครงข่าย (Interconnection Charge) เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาด เพราะว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมกันสำหรับโอเปอเรเตอร์ทุกค่าย
ค่าเชื่อมโครงข่าย จะเป็นเหมือนแรงจูงใจให้โอเปอเรเตอร์ในการที่จะขยายโครงข่ายสื่อสารไปในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากโอเปอเรเตอร์ต้องพยายามรักษารายได้ต่อเลขหมายไม่ให้ต่ำกว่า 200 บาท เพราะถือเป็นต้นทุนขั้นต่ำในการเปิด 1 ซิมการ์ด ซึ่งการลงทุนขยายโครงข่ายออกไปต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุนลูกค้าดังกล่าว
แต่ถ้ามีการใช้ค่าเชื่อมโครงข่ายก็หมายความว่า ดีแทคจะได้รับรายได้จากสายโทร.เข้าด้วยทำให้เกิดแรงจูงใจมากขึ้นในการขยายโครงข่ายออกไปพื้นที่ห่างไกล ค่าเชื่อมโครงข่ายไม่ใช่ดีเฉพาะโอเปอเรเตอร์อย่างเดียว แต่ยังดีกับสังคมโดยรวมด้วย โดยเฉพาะบนดอยหรือป่าเขาที่ไม่มีระบบสื่อสารครอบคลุมถึง
ประการที่ 2 คือการออกใบอนุญาตใหม่จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่สูงขึ้นหมายความว่าโอเปอเรเตอร์ต้องมีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วย
ประการที่ 3 ในเรื่องของ Number of Portability หรือเบอร์เดียวทุกระบบ ถ้ามีการประกาศใช้ ก็จะทำให้โอเปอเรเตอร์หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Focus) มากขึ้นเพราะว่าต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ลูกค้าย้ายไปอยู่ระบบอื่น
"ทุกวันนี้ 3 เรื่องยังไม่เกิด ผมอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาตรการอะไรก็ตามที่คำนึงถึงประโยชน์ผู้บริโภคเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้หลาย ๆ ฝ่ายกลับพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของ ทศท และกสทเป็นหลัก โดยอาจลืมมองว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์หรือไม่มีใครสนใจบ้างหรือเปล่า แทนที่คุณจะมองเรื่องของตัวเอง"
นายซิคเว่กล่าวถึงราคาหุ้นของดีแทคในตลาดสิงคโปร์ที่ดีขึ้นมากตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในเดือนพ.ย. 2545 ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นมาก ข้อแรกคือเรื่องของการปรับปรุงพัฒนาเรื่องของ Financial ของดีแทค ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้นมาก
อย่างผลประกอบการ 9 เดือนแรกในปี 2547 เทียบกับปีที่ผ่านมา ดีแทคมีผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 130% ซึ่งอันนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นค่อนข้างจะพึงพอใจมาก และราคาหุ้นของดีแทคอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ ไม่ขึ้นลงหวือหวาเหมือนในอดีตที่พอมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบก็ส่งผลกระทบรุนแรงกับราคาหุ้น
นายซิคเว่กล่าวถึงช่วง 2 ปี ในประเทศไทยว่าชีวิตความเป็นอยู่จริงๆแล้วมันก็มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ถึงขนาดเปลี่ยนหน้ามือเป"นหลังมือเลย เพราะว่าโดยปกติต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์ยังคงเป็นคล้ายๆ เดิม ตัวตนเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิต คือชีวิตปกติก็เต็มไปด้วยความท้าทายอยู่แล้ว พออยู่ตรงนี้มันก็ยังคงเป็นด้วยความประหลาดใจ ความท้าทายเหมือนเดิม แต่ว่าลักษณะความท้าทายความประหลาดใจ อาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ว่าในเรื่องของการดำเนินชีวิต ในเรื่องของการจัดการกับชีวิตตัวเองก็ยังคงในลักษณะเหมือนเดิม
"ในเรื่องของการแสดงภาพยนตร์ จริงๆ แล้วบทบาทที่ได้รับจะเป็นบทเล็กมาก ตอนที่มาชวนก็ปฏิเสธไปเหมือนกัน แต่ว่าทางผู้กำกับเขาอยากให้มา จริงๆ ก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสได้ร่วมกับสังคมไทยในแง่นั้น คือชอบที่จะทำ มีความสุขที่ได้ทำ แต่ว่าคิดว่าคงจะไม่ทำอีก เพราะว่ามันไม่มีงานเกี่ยว ข้องกับดีแทคโดยตรงอยู่แล้ว การที่จะไปรับเล่นตรงนั้น อันที่ 2 คือในเรื่องของหนังโฆษณา ทำมา 2 ครั้งแล้ว คิดว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ถ้าทำซ้ำก็จะเป็นอะไรที่ไม่สามารถเรียกว่า Innovative"
เมื่อถูกถามว่าจะอยู่ดีแทคอีกนานหรือไม่ นายซิคเว่กล่าวในตอนนั้น (15 ธ.ค. 47) ว่า "ผมไม่มีกำหนดระยะเวลาหรือเทอมในการดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมที่ตายตัว ถ้ารู้สึกว่ายังสามารถทำประโยชน์ให้บริษัทได้ก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตอนไหนรู้สึกว่าเต็มที่แล้ว หมดแล้ว ก็อาจจะไป"
ลูกน้องช็อก
แหล่งข่าวในดีแทคกล่าวว่า การลาออกของนายซิคเว่เป็นเรื่องกะทันหันมาก ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของพนักงานพอสมควร เนื่องจากดีแทคในช่วงที่ผ่านมาบริหารจัดการโดยการมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม การลาออกของซิคเว่อาจกระทบในเรื่องคอร์ปอเรต อิมเมจของบริษัทบ้าง แต่สำหรับในด้านธุรกิจ ดีแทคเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมากนัก เพราะการทำตลาดการขายก็จะต้องดำเนินไปตามปกติ นอกจากนี้ โครงสร้างของดีแทคก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะมีก็แต่การเปลี่ยนตัวบุคคลเท่านั้น
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น UCOM วานนี้ (5 ม.ค.) ปรับตัวลดลงแรงโดยปิดตลาดที่ 69 บาท ลดลง 3 บาท คิดเป็น 4.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 695.69 ล้านบาท นักลงทุนวิตกกังวล หลังจากที่ซิคเว่ เบรคเก้ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) ของดีแทค
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ หรือรายได้ของแทค เนื่องจากเชื่อว่าทีมการตลาดของแทคน่าจะเป็นทีมงานไทยที่ยังทำงานอยู่ตามปกติ อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน
|
|
|
|
|