Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 มีนาคม 2545
"อิออน" ไม่หวั่นธปท.ลดวงเงินบัตรเครดิต             
 


   
search resources

อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์), บมจ.
Credit Card




แบงก์หนุนการผ่อนเกณฑ์รายได้บัตรเครดิตเงินเดือนขั้นต่ำ1หมื่นบาทช่วยกระตุ้นตลาดและภาพรวมของเศรษฐกิจ ได้ใจธปท.ควรยกเลิกเพดานปล่อยกู้ไม่เกิน 2 เท่า เชื่อระบบบริหารความเสี่ยงของแบงก์ควบคุมได้ แต่ธปท.ควรทำหน้าที่ตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อถูกต้องตามกลไกหรือไม่ ด้านอิออนไม่หวั่นหากต้องถูกควบคุมโดยธปท.ตามพรบ.บัตรเครดิตใหม่ มั่นใจศักยภาพของบริษัท มีความโปร่งใส

แหล่งข่าวจากบริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะนำอิออนเข้าไปควบคุมดูแล นั้นไม่ถือว่ากระทบต่อบริษัทเนื่อง จากเป็นการปรับมาตรฐานการทำบัตรเครดิตมากกว่า และถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะปัจจุบันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)บัตรเครดิต ยังไม่มีผลบังคับใช้

บริษัทไม่ได้วิตกหรือ ตื่นเต้นใน เรื่องดังกล่าว เพราะปัจจุบันบริษัทก็อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และ ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งต้องมีการเปิดเผยข้อมูลทุก 3 เดือนอยู่แล้ว และการดำเนินงานของบริษัทที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันก็โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ แต่ก่อนที่บริษัทจะเข้ามาเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์บริษัทก็อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ อยู่แล้วดังนั้นไม่ว่าบริษัทจะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยงานใดบริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร"แหล่งข่าวกล่าว

ในส่วนของการบริหารงานบริษัทใช้นโยบายการ บริหารงานอย่างระมัดระวังมากหากลูกค้าหยุดชำระเป็นเวลา 3 เดือนบริษัทก็ตั้งสำรอง 100% ทันที หาก หยุดชำระ 6 เดือนก็ตัดเป็นหนี้สูญส ณ สิ้นพ.ย. 2544 บริษัทมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลไม่ถึง 2% จากพอร์ตที่ได้ปล่อยไปแล้วประมาณ 7,000ล้านบาท

ส่วนตัวเลขล่าสุดยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จเหตุ ผลที่เอ็นพีแอลน้อย เพราะสินเชื่อที่บริษัทไปนั้นเป็นลูกค้ารายย่อยจริงๆ คือส่วนใหญ่จะกู้ในวงเงิน 10,000-50,000 ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดี แบงก์สิงคโปร์หนุนแนวคิดธปท. กระตุ้นเศรษฐกิจ-เพิ่มลูกค้า

นายธนชัย ธนชัยอารีย์ ผู้ช่วยกรรมการจัดการ ธนาคารยูโอบีรัตนสิน จำกัด (มหาชน) UOBRเปิดเผยว่าหากธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ที่ทำบัตรเครดิต จาก15,000 บาท ต่อเดือน เหลือ 10,000 บาท ต่อเดือนจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัวดีขึ้นและจะทำให้ขยายฐานลูกค้าที่จะทำบัตรเครดิตได้มากขึ้น และเป็นสิ่งดีต่อผู้บริโภคเพราะสามารถเพิ่มทางเลือกในการกู้เงินจาก ระบบธนาคารพาณิชย์ได้แทนที่จะไปกู้เงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก

แม้ว่าแนวโน้มธปท.จะผ่อนเกณฑ์ดังกล่าวจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แบงก์จะลงมาแข่งกับอิออน หรือจีอี เพราะแต่หน่วยงานก็มีฐานลูกค้าที่ต่างกันแต่ ถือว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากกว่า นายธนชัยกล่าว

แต่สิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือการยกเลิกเพดาน วงเงินปล่อยกู้สูงสุดของบัตรเครดิตที่2 เท่า เพราะหาก ยกเลิกจะทำให้ธนาคารพาณิชย์สามารถขยายสินเชื่อ ได้มากขึ้นนอกจากนี้เรื่องรายได้ขั้นต่ำก็ไม่ควรกำหนด

เนื่องจากในขณะนี้สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีระบบบริหารความเสี่ยง และมีการวัดผลติดตามอยู่แล้ว นอกจากนี้ธนาคารแต่ละแห่งยังต้องปฏิบัติตาม กรอบธปท.เกี่ยวกับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส) อยู่แล้ว "ทั้งนี้หากธปท.มีความสงสัยในการปล่อยสินเชื่อก็สามารถเข้ามาตรวจสอบได้อยู่แล้วอย่างไรก็ตาม หากธปท.ไม่มีการกำหนดกรอบบัตรเครดิตก็จะทำ ให้ ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น" นายธนชัยกล่าวให้เห็นปัญหา

ยกเลิกเพดานบัตรเครดิต แบงก์บริหารความเสี่ยงเอง

นายนิวัตต์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด ในเครือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB กล่าวว่าหากเกณฑ์ใหม่ของธปท.ประกาศใช้จริงจะทำให้สามารถขยายฐานบัตรเครดิตมากกว่า1 ล้านบัตร แต่สิ่งที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการในขณะนี้คือยกเลิกเพดานอนุมัติวงเงินบัตรเครดิตที่ธปท.กำหนดไว้ไม่เกิน 2 เท่าของรายได้

ธปท.ควรยกเลิกเพดานกำหนดวงเงินสูงสุดและยกเลิกรายได้ขั้นต่ำโดยกรอบการทำธุรกิจ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งตัดสินใจ ว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าไหนทั้งนี้ในการทำธุรกิจ ของธนาคารแต่ละแห่งจะมีขบวนการควบคุมติดตาม ดูแลรวมทั้งมีระบบบริหารความเสี่ยงความเสี่ยงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ธปท.ก็ยังมีหน้าที่ในการกำกับก็ ควรทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินว่า

1.วิธีการอนุมัติสินเชื่อดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่มีกลไกบริหารความเสี่ยงที่ดีพอหรือไม่

2.มีฐานะการเงินเป็นอย่างไร มีความมั่นคงในการทำธุรกิจต่อไปหรือไม่หรือมีเงินเพียงพอต่อการตัดหนี้ที่เกิดขึ้นหรือไม่

เรื่องเหล่านี้ธปท.สามารถเข้าไปตรวจสอบได้อยู่แล้วส่วนเรื่องของกรอบในการทำธุรกิจน่าจะปล่อย ให้เอกชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกกลุ่มลูกค้ากันเอง แบงก์ปรับเป้าบุกบัตรเครดิต กระตุ้นการใช้จ่าย

นางสาววรรวิมล กนกธนาพร ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) BOA เปิดเผยว่า หากธปท.ลดเกณฑ์ ดังกล่าวจริงก็จะทำให้ฐานลูกค้ามีมากขึ้นแต่การที่ฐาน ลูกค้ามีมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าคนที่มีรายได้ 10,000 บาทต่อเดือนจะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตทุกคน การอนุมัตินั้นขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารมากกว่าหากลูกค้ามีความสามารถในการชำระ มีวินัยทางการเงิน ธนาคารก็จะอนุมัติให้ แต่หากไม่มีวินัยไม่มีความสามารถในการชำระคืน ธนาคารก็คงไม่อนุมัติให้

เชื่อว่าทุกธนาคารคงปรับเป้าอัตราการเติบโตของจำนวนบัตรเครดิตในปีนี้ เพราะเค้กใหญ่ขึ้น สำหรับ แบงก์เอเชียเชื่อว่าจะทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็ว ขึ้นและอาจทะลุเป้าที่ตั้งไว้ว่าในปีนี้จะมีบัตรใหม่เพิ่ม 60,000 บัตร โดยธนาคารยังเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และยังต้องการให้ลูกค้าใช้บัตรของธนาคาร เป็นบัตรแรกที่ผ่านมามีการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยเฉลี่ย 8,000-10,000บาทต่อเดือน

ส่วนการพิจารณานั้นธนาคารเอเชียยังยึดหลักแบบรัดกุม เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลังมากหากมีปัญหาธนาคารก็มีการติดตามหนี้ที่ดีอยู่แล้ว

วิจัยกสิกรฯคาดการแข่งขันรุนแรง

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด วิเคราะห์ แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตปี 2545 ขยายฐานและเพิ่ม ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร"ว่าการที่ธปท.เตรียมพิจารณาเงื่อนเวลาในการผ่อนคลายเกณฑ์วงเงินราย ได้ขั้นต่ำของผู้มีสิทธิทำบัตรเครดิต ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธนาคารมีช่องทางในการขยายบริการ ไปยังฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น

คาดว่าหากมีการประกาศใช้เกณฑ์ใหม่เนิ่นๆจะมีโอกาสที่ฐานบัตรเครดิตในระบบธนาคารพาณิชย์ ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้ถึง 1 ล้านบัตรเป็น 3.5 ล้านบัตร ตามที่ชมรมบัตรเครดิตประมาณการไว้ เฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารยังคงจัดรายการส่งเสริมการตลาด ด้วยการให้ถือบัตรฟรีในปีแรกพร้อมของแถม"

อย่างไรก็ตาม ในปี 2544 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมต่อจำนวนบัตรในปี 2544 กลับปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า 6.8% จากที่เคยอยู่ในระดับ 60,300 บาทต่อบัตรต่อปี ในปี 2543เหลือเพียง 56,200 บาทต่อบัตรต่อปี ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนบัตรออกใหม่ ขยายตัวในอัตราเร่งมากกว่าปริมาณการใช้จ่าย

โดยสรุปแล้ว กลยุทธ์การตลาดเพื่อช่วงชิงลูกค้าบัตรเครดิตนั้น นอกจากจะต้องออกผลิต ภัณฑ์ที่หลากหลายมากระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ยังต้องคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่จะให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความภักดีและนิยมใช้ผลิต ภัณฑ์ของธนาคารเป็นอันดับแรก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us