ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดกลุ่มธุรกิจบริษัทจดทะเบียนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่ได้จัดกลุ่มในระดับอุตสาหกรรมไปแล้ว

ตั้งแต่ 4 มกราคม 2548 เป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ทำการเปลี่ยนแปลงชื่อและนิยามของหมวดธุรกิจ (Sector) บางหมวด รวมทั้งปรับย้ายบริษัทจดทะเบียนให้เข้าไปอยู่ในหมวดที่เหมาะสมมากขึ้น โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่าจะช่วยให้หมวดธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถรองรับการเข้ามาจดทะเบียนของบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนชื่อหมวดยังช่วยสื่อให้เห็นธุรกิจหลักของบริษัทในหมวดนั้นๆ รวมทั้งยังสะท้อนอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะส่งผลต่อการคำนวณดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็กน้อย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคำนวณดัชนีของกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) และหมวดธุรกิจที่มีอยู่ต่อไปเช่นเดิม แต่จะยกเลิกการคำนวณดัชนีของ 2 หมวดธุรกิจ ตั้งแต่ 4 มกราคม ได้แก่ หมวดอัญมณีและ เครื่องประดับ (Jewelry & Ornaments) และหมวดคลังสินค้าและไซโล (Warehouse & Silo) เนื่องจากจะถูกยุบรวม

ส่วนหมวดแฟชั่น (Fashion) และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) จะคำนวณดัชนีต่อไปจากหมวดสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า และหมวดขนส่ง โดยจะนำหุ้นที่อยู่ในหมวดที่ถูกยุบย้ายเข้ามารวมคำนวณเช่นเดียวกับกรณีหุ้นย้ายหมวดตามปกติ

ก่อนหน้านี้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ในงานสัมมนาภายในงาน Money Expo ในช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังโปรโมตโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นอยู่พอดี โดยในวันนั้น มีการกล่าวถึงการตั้งหมวดแฟชั่นขึ้น และคาดหวังว่าน่าจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมแฟชั่นเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ง่ายขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นในที่สุด

ถึงแม้ว่าบริษัทจดทะเบียนในหมวดแฟชั่นจะเป็นบริษัทเดิมที่เคยอยู่ในหมวดสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า รวม เข้ากับหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เช่นเดียวกับที่บริษัทที่อยู่ในหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ จะเป็นบริษัทเก่าในหมวดขนส่ง รวมเข้ากับหมวดคลังสินค้าและไซโล แต่การเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น อิงเข้ากับนโยบายที่รัฐบาลจะมุ่งสนับสนุนในธุรกิจแฟชั่นและโลจิสติกส์ น่าจะส่งผลทางบวกต่อความรู้สึกของผู้ลงทุนบ้างไม่มากก็น้อย และอาจจะทำให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นในกลุ่มเหล่านี้คึกคักขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งก็จะส่งผลต่อดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์ฯ ในที่สุด

หากความพยายามครั้งนี้ของตลาด หลักทรัพย์ฯ ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างความคึกคักให้กับหุ้นในหมวดที่ซบเซาอยู่แต่เดิม แถมบางหมวดยังถูกมองว่าเป็น อุตสาหกรรมตะวันตกดิน อีกไม่นานคงได้เห็นแนวทางเช่นนี้กันอีก เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนงานที่จะเปลี่ยนแปลงหมวดธุรกิจอื่นๆ ในปีต่อไปอีกด้วย โดยจะมีการศึกษาและหาแนวทางที่จะทำให้หมวดธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความ ครอบคลุมและสอดคล้องกับภาวะตลาดมากยิ่งขึ้น