อรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย เปิดการแถลงข่าวนโยบายธนาคารในปี 2548 ด้วยการบอกว่าธนาคารจะสานต่อแนวทางธนาคารครบวงจร หรือ Universal Bank ที่ทำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต่อไป เพราะเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องพิสูจน์ได้จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นโดยลำดับ ขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็ให้ความเชื่อมั่นในหุ้นธนาคารนครหลวงไทยมากขึ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจำนวนนักลงทุนก็มากขึ้นด้วย

นอกจากผลิตภัณฑ์ของธนาคารและบริษัทในเครือ อาทิ การซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุนรวม ประกันภัยและประกันชีวิต แล้ว ในปีนี้ธนาคารนครหลวงไทยยังจะมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ มาเสนอให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่น ลีสซิ่ง เช่าซื้อ เป็นต้น โดยหากผลิตภัณฑ์ใดที่ธนาคารหรือบริษัทในเครือไม่สามารถทำได้ หรือต้องใช้เวลานานในการพัฒนาก็จะมองหาพันธมิตร (Strategic Partner) ที่เป็นสถาบันการเงินที่มีความชำนาญในด้านนั้นๆ มากกว่ามาร่วมดำเนินการแทน

บริการที่คาดว่าจะต้องหาพันธมิตรมาร่วมมือกันได้แก่ การบริหารความเสี่ยง การเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน การทำ Currency Swap และ Derivatives ต่างๆ ซึ่งตามปกติแล้วสถาบันการเงินต่างประเทศจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้สูงกว่าสถาบันการเงินของไทย

การดำเนินงานของนครหลวงไทยในแนวทางนี้มีเป้าหมายเพื่อมุ่งหวังรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากในปีที่แล้วที่ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 1,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 7% ของรายได้รวม แต่ในปีนี้คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 10%

ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อ ธนาคารจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อลูกค้าขนาดเล็กเป็น 25-30% จากปีที่แล้วที่มีสัดส่วนเพียง 12% และจะไปลดสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ลงจาก 53% เหลือ 40% ส่วนลูกค้าขนาดกลางจะคงสัดส่วนเอาไว้ที่ 30-35% เช่นเดิมโดยการปล่อยสินเชื่อจะเน้นที่ภาคการผลิตและการค้าเป็นหลัก

"สภาพคล่องของเราก็ยังมีอีกมาก ลูกค้าท้องถิ่น ที่เป็นเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพก็ยังมีอีกเยอะ เช่น พวกสินเชื่อภาคเกษตรหรือเกษตรอุตสาหกรรม" อรุณยกตัวอย่างกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธนาคาร

เป้าหมายของนครหลวงไทยในปีนี้กำหนดให้สินเชื่อเพิ่มสุทธิ 40,000-60,000 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของสินเชื่อบุคคลประมาณ 7,000 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มสุทธิ 5% จำนวนบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่ม 170,000 บัตร บัตรเอทีเอ็มและเดบิตเพิ่ม 1 ล้านบัตรและจำหน่ายสินทรัพย์รอการขาย 2,500 ล้านบาท

หากทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ผลการดำเนินงานปีแรกของธนาคารนครหลวงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่แปรรูปเป็นเอกชนแล้วคงน่าสนใจไม่น้อย