|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มกราคม 2548
|
|
"แสนสิริ สุขุมวิท" กำหนด "Grand Opening" ต้นปี 2548 ความหมายของการเปิดตัวครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงบ้านขายเศรษฐีอีกโครงการหนึ่งจากค่ายแสนสิริเท่านั้น แต่เป็นบ้านจัดสรรราคาแพงโครงการแรกของเมืองไทยที่ปูพรมตอกเสาเข็ม และทำการก่อสร้างก่อนขายพร้อม ๆ กันถึง 96 ยูนิต มาตั้งแต่ปลายปี 2546
เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงถึง 3,304 ล้านบาท โดยเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวเล่าวิธีคิดมาตั้งแต่กลางปี 2546 แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปีผ่านไปก็ไม่อนุญาตให้ สื่อฉบับใดเข้าไปบันทึกภาพการก่อสร้าง นอกจากส่งภาพบ้านตัวอย่างที่สวยงามผ่านมาทางฝ่ายประชา สัมพันธ์ สำหรับลูกค้าที่เข้าไปซื้อโครงการสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ประมาณกลางปี 2547 ที่ผ่านมา แต่การซื้อขายจริงได้เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2547 ซึ่งบ้านทุกหลังเสร็จสมบูรณ์ ผ่านการตรวจสอบจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว
บ้านแสนสิริ สุขุมวิท ตั้งอยู่ในพื้นที่ 38 ไร่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 67 เพียง 350 เมตร ออกแบบด้านสถาปัตยกรรม โดยบริษัทปาล์มเมอร์ แอนด์ เทอร์เนอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกแบบภูมิสถาปัตย์โดยบริษัทกรีนอาคิเท็ค
ในโครงการนี้มีให้เลือก 4 แบบ พื้นที่ขายตั้งแต่ 80 ตารางวาขึ้นไปถึง 110 ตารางวา หรือมีพื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 394-490 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 27-56 ล้านบาท การกำหนดแบบบ้านและแปลงที่ดินเป็นสัดส่วนของบ้านระดับราคา 35 ล้านบาท มากกว่าขนาดราคาอื่นๆ
นอกจากโลเกชั่นใกล้เมืองแล้วดูเหมือนว่าสไตล์การออกแบบที่ทันสมัย เป็นจุดขายสำคัญของโครงการนี้ ในบ้านตัวอย่างแบบ A มีขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และที่จอดรถสำคัญ พื้นที่ใช้สอย 490 ตารางเมตร จุดเด่นของบ้านหลังนี้ก็คือ การออกแบบพิเศษให้ชั้นต่างๆ ภายในตัวบ้านเชื่อมโยงถึงกันโดยใช้สะพานเป็นจุดเชื่อม การจัดวางโครงสร้างบ้านให้ความรู้สึกที่เลื่อนไหล การตกแต่งภายในใช้โทนสีเน้นความขรึมและภูมิฐาน เฟอร์นิเจอร์ไม้ดูอบอุ่น และแฝงความภูมิฐานอยู่ในที
"โอกาสที่จะสร้างบ้านแพงมากๆ ในเมืองอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ดินหายาก แต่ไม่ได้หมายความว่า บ้านแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว" เศรษฐาให้ความเห็นและ ถึงแม้ว่ายังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า โครงการแสนสิริ สุขุมวิท จะปิดการขายเมื่อไร แต่เขาก็มีความเห็นว่าบ้านระดับราคานี้หากอยู่ในโลเกชั่นประมาณนี้ยังขายได้แน่นอนในเมืองไทย
ความมั่นใจจากข้อมูลที่เก็บเกี่ยวมานาน ความมั่นใจในแบรนด์ "แสนสิริ" แบบบ้านและทำเลคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารบริษัทตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินก้อนใหญ่ สร้างบ้านราคาแพงพร้อมกันเกือบ 100 หลัง
บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกบริษัทหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นผู้นำในวงการที่อยู่อาศัยของเมืองไทย โดยเข้า มาทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2527 ด้วยโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศ และเริ่มมาทำโครงการ บ้านจัดสรรราคาแพงประมาณ 3 ล้านบาทขึ้น ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ด้วยความมั่นใจในชื่อเสียงของตัวเองระดับหนึ่งประกอบกับในช่วงนั้นตลาดบ้านเดี่ยวเอื้ออำนวยอย่างมาก
2-3 ปีที่ผ่านมา แสนสิริมีวิธีคิดที่ไม่ต่างกับควอลิตี้เฮ้าส์ในการโฟกัสไปทำสินค้าราคาที่แพงมากขึ้นเพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับบนขึ้นไปอีก โดยแบ่งการใช้ชื่อในการสร้างบ้านเป็น 3 แบรนด์ด้วยกันคือ บ้านแสนสิริ ราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาทขึ้นไป นราสิริ 13 ล้านบาทขึ้นไป และเศรษฐสิริ ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสัดส่วนของรายได้จะอยู่ที่แบรนด์เศรษฐสิริเป็นหลัก
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของกลุ่มนี้คือให้ความสำคัญ ในเรื่องการจัดเก็บข้อมูล การทำแบบสอบถาม เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจทำบ้านเพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงทำโครงการ แสนสิริ รีเสิร์ช และมีบริษัทในเครือพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ดูแลหลังการขาย
"ทุกอย่างต้องศึกษาอย่างละเอียด ทั้งไลฟ์สไตล์การอยู่การกิน ไปเที่ยว เราจัดเก็บหมด" เศรษฐาอธิบาย และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป บ้านราคาแพงที่เห็นของจริง สัมผัสได้ มักจะขายได้เร็วกว่าบ้านที่ยังขายบนแผ่นกระดาษ หรือบ้านที่มีเพียงแต่บ้านตัวอย่างให้เห็น
ปลายปี 2547 ที่ผ่านมา แสนสิริยังได้จัดแคมเปญ กระตุ้นยอดขายเพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Sansiri Home Showcase" มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เช่น บ้านแสนสิริที่สุขุมวิทจะได้รับราคาพิเศษ และบัตรกำนัลเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ในราคา 1 ล้านบาท นราสิริ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ลูกค้าจะ ได้รับเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีราคา 6 แสนบาท โครงการนราสิริ สาทร-วงแหวน ลูกค้าได้โฮมเธียเตอร์ครบชุด
อย่างไรก็ตาม เศรษฐาให้ความเห็นว่า บ้านระดับราคากลางลงมาปีหน้ายังอยู่ในตลาดมากกว่าประเภทอื่นๆ ในขณะที่บ้านราคาสูงมากๆ 20 ล้านบาทขึ้นไป ก็ยังเกิดได้แต่ไม่หวือหวาขายได้เรื่อยๆ ดังนั้น บริษัทจะใช้แบรนด์เศรษฐสิริเป็นตัวบุกตลาดในปี 2548
สำหรับโครงสร้างรายได้จากการขายโครงการ จำนวน 13,000 ล้านบาท ในปี 2547 นั้นแบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 70% และรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม 30%
ภาพลักษณ์ที่อยู่อาศัยของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) มักจะถูกมองว่าเป็นโครงการของคนรุ่นใหม่ ที่รักความทันสมัย แต่เศรษฐาให้ความเห็นว่า
"คนที่มาซื้อบ้านผม ไม่ใช่คนรุ่นใหม่แน่ เพราะ ราคาสูงเกินไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุเป็นคนรุ่นเก่าแต่มีเทสต์ที่ดีมากกว่า"
|
|
|
|
|