Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2548
Social & Double Security จาก QH             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 

   
related stories

Living Style by Sansiri
"Prime Nature Villa"

   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด

   
search resources

ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
รัตน์ พานิชพันธ์
Real Estate




ควอลิตี้เฮ้าส์ใช้แบรนด์ "พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์" เป็นตัวทำรายได้สูงสุดในปีที่ผ่านมา โดยจับกลุ่มราคา 15-40 ล้านบาทขึ้นไป สังคมและความปลอดภัย คือหัวใจสำคัญที่สุดในการทำโครงการ

รัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงตัวเลขที่น่าสนใจว่า

ในช่วงปลายปี 2547 ควอลิตี้เฮ้าส์มีบ้านจัดสรรที่กำลังพัฒนา 15 โครงการ แบ่งตามระดับราคาเป็น 3 แบรนด์ด้วยกันคือ "พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์" 5 โครงการ ในระดับราคา 15-40 ล้านบาทขึ้นไป "ลัดดารมย์" และ "ลัดดารมย์ Elegance" ราคา 8-15 ล้านบาทขึ้นไป มี 5 โครงการ "วรารมย์" ราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งหมด 3 โครงการ

ยอดขายรวมของพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ สูงถึง 40% รองลงมาคือ ลัดดาภิรมย์ 35% ที่เหลือเป็นวรารมย์ และรายได้อื่นๆ เช่น จากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ของเซ็นเตอร์พอยต์และคิวเฮ้าส์

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็น positioning ที่ชัดเจนของควอลิตี้เฮ้าส์ว่า โฟกัสไปยังตลาดของลูกค้าระดับบนเป็นหลักและพยายามฉีกตลาดออกไป ให้แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ที่จับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ใกล้เคียงกัน โดยทีมงานบริหารมั่นใจว่าด้วยระยะยาวนานของแบรนด์ "ควอลิตี้เฮ้าส์" ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผนึกรวมกับประสบการณ์ความชำนาญในการสร้างที่อยู่อาศัย และที่สำคัญจาก ฐานข้อมูลของบริษัทที่จัดเก็บมาอย่างเป็นระบบ

"การที่เราเป็นบริษัทในเครือของแลนด์ฯ ที่สร้างบ้านขายเหมือนกัน ก็มักเกิดคำถามขึ้นมาในใจของทุกคนว่า แล้วจะมาซื้อบ้านควอลิตี้ทำไม ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างของสินค้าทั้งกับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เองและกับบริษัทอื่นๆ ที่ขายบ้านในระดับใกล้เคียงกัน ผมเลยมองตลาดที่เป็นช่องว่างคืออะไร และตัดสินใจขยับขึ้นไปจับลูกค้ากลุ่มบนสูงขึ้นอีก ซึ่งเกือบจะไม่มีคนทำ เพราะ การมองว่าตลาดกลุ่มนี้มันมีไม่เยอะ แต่ที่จริงแล้วคนรวย บ้านเราที่ไปสร้างบ้านเองมีเยอะมาก แต่ทีนี้เปลี่ยนไป แทนที่เขาจะสร้างเองเป็นเราสร้างให้"

รัตน์อธิบายวิธีคิดในตอนนั้นซึ่งท้าทายอย่างมากกับวิธีคิดเดิมๆ รวมทั้งมีผลกับตำแหน่งใหม่ที่ได้มาในปีนั้นของเขาเหมือนกัน

จากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบ้านปูพาว เวอร์ เขาก้าวมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกที่นี่เมื่อปี 2544 โดยการชักชวนของอนันต์ อัศวโภคิน ประธาน กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยมีขุนศึกเดิมๆ อย่างซวง ชัยสุโรจน์, จุมพล มีสุข เป็นทีมงานสำคัญ

ในช่วงเวลานั้น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีจุดขายของ "บ้านสบายสร้างเสร็จก่อนขาย" ควอลิตี้เฮ้าส์ก็ชูธงประกาศนโยบาย 5 คุณภาพ คือ คุณภาพในการออกแบบ คุณภาพด้านวัสดุ คุณภาพด้านสังคม คุณภาพด้านความ ปลอดภัย และคุณภาพด้านการให้บริการ

"หัวใจการขายบ้านของเราจริงๆ คือขายสังคม กับความปลอดภัย คนที่ต้องการบ้านเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ ลูกค้าเราแน่ แต่พวกที่ต้องการสังคม ต้องการความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินคือกลุ่มลูกค้า บ้านซื้อที่ไหนก็ได้ ความต่างของความสวยขึ้นอยู่กับราคา บางทีคนต้องการบ้านไม่ได้ต้องการความสวยขนาดนั้น นี่คือข้อมูล ที่เราได้มาจากการสัมภาษณ์กลุ่มลูกค้าของเรา

สังคมเดียวกันของควอลิตี้เฮ้าส์ถูกกำหนดด้วยราคาบ้านที่ไม่แตกต่างกันมากนักในแต่ละโครงการ ส่วนระบบความปลอดภัย ถูกเน้นด้วยระบบ Double Security

ทีมบริหารของควอลิตี้เฮ้าส์ ตอกย้ำความคิดนี้ด้วยการสร้างพฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์ ขึ้นเมื่อปี 2545 ราคาเริ่มต้นที่ 15-50 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปได้แล้วประมาณ 80 ยูนิต ก่อนที่จะขยายไปยังทำเลต่างๆ ในโครงการ พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์ ปิ่นเกล้า, เกษตร-นวมินทร์, สาทร-ธนบุรีตัดใหม่ และที่ซอยลาซาล สุขุมวิท

บ้านราคา 55 ล้านบาทในโครงการพฤกษ์ภิรมย์ สาทร-ธนบุรีตัดใหม่ เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ "ผู้จัดการ" ได้แวะไปเยี่ยมชม เป็นบ้านทรงสแปนิชหลังใหญ่ปลูกเต็มพื้นที่ 350 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยภายในถึง 755 ตารางเมตร ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ต่อเนื่อง ไปยังห้องอาหาร ห้องครัว ห้องทำงาน และโฮมเธียเตอร์ ทุกมุมมองของชั้นนี้สามารถมองออกไปเห็น สวนสีเขียวด้านนอกผ่านกระจกสีเขียวตัดแสง

ชั้นบนปูด้วยปาร์เกต์ไม้มะค่าเข้าลิ้น ขัดและเคลือบเป็นเงาแวววาว มีห้องนอนใหญ่ที่ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว ถัดไปยังมีห้องนั่งเล่นส่วนกลาง ห้องนอนพร้อมห้องน้ำอีก 4 ห้อง

Double Security ของโครงการนี้ประกอบไป ด้วยการบันทึกภาพคนเข้าออกด้วย CCTV ตรงป้อมยาม พร้อมติดตั้ง CCTV 24 จุดรอบโครงการ รวมทั้งระบบสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านด้วยระบบ Shock Sensor และ Magnetic ซึ่งสามารถต่อสัญญาณออกไปที่โทรศัพท์ที่ตั้งไว้ถึง 6 เบอร์

โครงการระดับพรีเมียมเป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของค่ายนี้ก็คือ "พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์ สุขุมวิท" ในพื้นที่ 66 ไร่ บนถนนสุขุมวิท ซอย 105 (ซอยลาซาล) ที่เปิดตัวเมื่อกลางปี 2547 ที่ผ่านมา

การสร้างสังคมใหม่ให้กับมหาเศรษฐีย่านสมุทรปราการ เทพารักษ์ คือเป้าหมายหลักของโครงการนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาทไปจนถึง 77 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วเป็นบ้านในราคาประมาณ 50 ล้านบาทต่อยูนิต ควอลิตี้เฮ้าส์ยังเน้นในเรื่องของการกลับสู่ธรรมชาติ สวนพักผ่อนส่วนกลางถูกกำหนดไว้ในเนื้อที่ 2 ไร่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ความร่มรื่นสวยงามแบบสวนปาล์ม รวมทั้งสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ที่ได้ยืนยัน กับลูกค้าว่ามีเนื้อที่ 4 ไร่

ส่วนระบบความปลอดภัยที่เป็นจุดขายสำคัญ ของโครงการ เริ่มตั้งแต่รั้วรอบโครงการสูงถึง 3 เมตร ระบบ CCTV โทรทัศน์วงจรปิด ณ จุดเข้า-ออก และถนนซอยรอบโครงการ 24 จุด ติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมย Magnetic และ Shock Sensor พร้อมแผง ควบคุมภายในบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถเช็กประตู ทางเข้า-ออกทั้งหมดภายในบ้านได้ตลอดเวลาจากโทรทัศน์วงจรปิด และเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยภาพ CCTV จากป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการเพื่ออนุญาตให้แขกเข้าพบ

ในกรณีที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมานั้น ห้องควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการจะได้รับสัญญาณแจ้งเหตุนี้เช่นกัน เจ้าหน้าที่ก็สามารถเดินทางไปตรวจสอบได้ทันที

บ้านของเศรษฐีโครงการนี้มี 2 แบบคือแบบทิวดอร์ หรูหราแบบสไตล์อังกฤษ และบ้านแบบสแปนิช แต่ละหลังมีห้องนั่งเล่นชมสวน ฟังก์ชันพิเศษในห้องนอน Sky Living Room in Suite Master Bedroom และ Living Bathroom ห้องโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สปาพาวิลเลียน

พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์ แบ่งการก่อสร้างออกเป็นเฟส เฟสละประมาณ 5 หลัง เฟสแรกเปิดขายเมื่อสิงหาคม 2547 จนถึงช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัตน์ยืนยันว่าขายไปได้แล้ว 4 หลัง

โดยภาพลักษณ์ แบบบ้านของควอลิตี้เฮ้าส์มีรูปแบบโครงการที่โอ่อ่า หรูหรา ที่หลายคนอาจมอง ว่าเป็นผู้ใหญ่ไม่ทันสมัยนั้น มาจากการจัดเก็บข้อมูล และสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และจากข้อมูลพบว่าลูกค้าของที่นี่อายุ 35-45 ปีเป็นส่วนใหญ่

"ลูกค้าอายุเกินกว่า 50 ปีไม่มีใครซื้อบ้านเราเลย อาจจะเป็นเพราะว่าด้วยวัยขนาดนั้นเขาอาจจะไม่ต้องการเปลี่ยนบ้านใหม่แล้วก็ได้"

แม้ว่าแบรนด์พฤกษ์ภิรมย์ รีเจ้นท์ทำรายได้ดีตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าควอลิตี้เฮ้าส์จะใช้เป็นตัวบุกตลาดในปีต่อไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลทางการตลาดที่เข้ามา แต่รัตน์ ยืนยันว่า ทันทีที่ได้ที่ดินแปลงใหญ่ใกล้เมือง หรือติดกับระบบขนส่ง แน่นอนควอลิตี้เฮ้าส์สนใจทำทันทีในระดับราคาที่อาจจะสูงขึ้นกว่านี้ก็ได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us