บอร์ด ธอส.ตั้งเป้าปี 48 ปล่อยสินเชื่อถึงแสนล้านบาทเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย คาดปีนี้กำไรไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมเปิดธอส.-กบข.รุ่นที่ 3 ตั้งวงเงินปล่อยกู้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท เสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวหวังสกัดความเสี่ยงให้กับสมาชิก พร้อมขยายกลุ่มข้าราชการครอบคลุมถึง 12 หน่วยงานที่ไม่ใช่สมาชิก กบข.
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2548 ว่า ขณะนี้ได้จัดทำแผนในการดำเนินธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการเปิดแถลงข่าวในช่วงต้นปี 2548 เนื่องจากต้องการรายงานผลความคืบหน้าตลอดทั้งปี 2547 และแผนปีหน้าต่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารได้ปรับเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีหน้าไว้ที่ 1 แสนล้านบาท แต่คิดว่าระดับที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้น่าจะอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 8,000 ล้านบาทต่อเดือน
"ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการปัดกวาด และเตรียมความพร้อมในระบบต่างๆ เช่น ระบบ Core Banking และที่สำคัญการปล่อยสินเชื่อจะไม่ได้มุ่งว่าได้เยอะแค่ไหน แต่จะพิจารณาว่าทำได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่" นายขรรค์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบปี 2547 นายขรรค์กล่าวว่าจากตัวเลข ณ วันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทะลุ 1 แสนล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 70,700 ล้านบาท โดยตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงถึง 9,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายขรรค์ กล่าวถึงความร่วมมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ว่า ธนาคารฯได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงในโครงการบ้านธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการรุ่นที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ประกอบกับด้วยภาวะที่ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ข้าราชการมองถึงความเสี่ยงและต้องการป้องกันอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งต้องการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ คาดว่าโครงการธอส.-กบข. รุ่นที่ 3 จะมีการเข้ามาขอสินเชื่อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คาดว่าวงเงินที่อนุมัติจะไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
โดยจะพิจารณาได้จากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ร่วมกับกบข.จัดทำโครงการบ้านธอส.-กบข.เพื่อที่อยู่อาศัยมาแล้วรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 รวมถึงโครงการบ้านธอส.เพื่อลดภาระหนี้สมาชิก กบข.(รีไฟแนนซ์) รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ไปแล้ว ซึ่งมีข้าราชการกบข.เข้าร่วมโครงการจำนวน 101,000 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 63,000 ล้านบาท
สำหรับเงื่อนไขที่กำหนดไว้จะต้องเป็นข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ ทั้งที่เป็นสมาชิกกบข. และไม่เป็นสมาชิกกบข.แต่ต้องอยู่ภายในสังกัดเดียวกันกับสมาชิกกบข. โดยธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมินที่ดินและอาคาร หรืออาคาร หรือห้องชุด ให้กู้ไม่เกิน 65 เท่าของเงินเดือน โดยเงินงวดไม่เกิน 50% ของเงินเดือนสุทธิ ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี และหน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้หักเงินเดือนผู้กู้ส่งชำระหนี้ให้ธนาคาร โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คง ที่ 3 ปี คือ ปีที่ 1 คิดอยู่ที่ 3%, ปีที่ 2 คิดอยู่ที่ 4% และปีที่ 3 คิดอยู่ที่ 5% หลังจากนั้นจะคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเท่ากับ MRR ลบ 2.25% แต่ไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก คือประมาณ 4% ทั้งนี้ได้กำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้ไว้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธ.ค.2548 และต้องทำนิติกรรมจดจำนองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549
"ดอกเบี้ยที่เสนอให้ครั้งนี้นับว่าค่อนข้างต่ำในระยะยาว ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองอัตราดอกเบี้ยช่วง 3 ปี แต่ช่วงเวลาที่เหลืออีก 27 ปีข้างหน้าไม่ได้มอง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เสนอครั้งนี้ลบ 2.25% เทียบกับระบบที่ส่วนใหญ่ลบให้ประมาณ 0.5-1% เท่านั้น" นายขรรค์กล่าว
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่าโครงการดังกล่าวได้เปิดกว้างให้กับข้าราชการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกบข.ครอบ คลุมถึง 12 หน่วยงานที่สามารถขอใช้สิทธิเหมือน กับข้าราชการของกบข.ได้
นายขรรค์กล่าวถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ในปีหน้าว่าแนวโน้มยังเติบโตได้ดี พิจารณาได้จากความต้องการของสมาชิกกบข.ที่เข้ามากู้ในโครงการที่ผ่านมาถึง 1 แสนกว่าคน เฉลี่ยเงินกู้ประมาณ 7-8 แสนบาท ซึ่งเป็นตลาดของที่อยู่อาศัยบ้านระดับกลาง โดยธอส.ยังมุ่งที่จะช่วยเหลือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับกลางจนถึงระดับล่างลงมารวมถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนที่เข้าไปอยู่ในโครงการของบ้านเอื้ออาทร ส่วนบ้านระดับบนคงต้องปล่อยให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ
|