นางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด
เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายมือถือของเจ มาร์ท
ในเทสโก้โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ว่า หลังจากได้ตกลงกับเทสโก้โลตัสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจมาร์ทจะย้ายจุดจำหน่ายมือถือ จากเดิมอยู่ในแผนกโอเอของเทสโก้โลตัสออกมาตั้งเป็นคีออสในพื้นที่ของพลาซ่าแทนทั้ง
30 สาขา ภายในวันที่ 7 เมษายนศกนี้
ส่วนจุดจำหน่ายที่เป็นแบบร้านเจมาร์ท เดิมในเทสโก้โลตัสที่ตั้งอยู่ในส่วนของพลาซ่านั้นก็จะเปิดดำเนินการต่อไปปกติคือ
สาขาชลบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ซึ่งก่อนหน้านี้นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวกับ ผู้จัดการรายวัน ว่า การลงทุนส่วนนี้เป็นเรื่องกะทันหัน
จึงไม่ได้อยู่ในงบลงทุนเดิมของปีนี้ที่ตั้งไว้ 120 ล้านบาท ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบการใช้จ่ายจากเดิมที่เป็นการแบ่งเปอร์เซ็นจากยอดรายได้ให้กับเทสโก้โลตัส
เมื่อปรับมาเป็นรูปแบบเช่าพื้นที่ในพลาซ่าก็จะต้องเสียเป็นค่าเช่าแทน
อย่างไรก็ตามจุดขายในโมเดิร์นเทรดยังมีความสำคัญ โดยสัดส่วนยอดขายของเจ
มาร์ทมาจากโมเดิร์นเทรด 25% ซึ่งปัจจุบันนอกจากเทสโก้โลตัสแล้ว ก็ยังมีสาขาอื่นอีกเช่น
สยามจัสโก้ บิ๊กซี ศูนย์การค้าชั้นนำ และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส
ส่วนความคืบหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น
คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้จะจำหน่ายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปและเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้แน่นอน
เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำลงมาก
โดยในสิ้นเดือนมีนาคมนี้บริษัทจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด
(มหาชน)
ด้านแผนงานการลงทุนในปีนี้ เจมาร์ทตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น
100 สาขา ในหลายรูปแบบทั้งการเปิดเป็นคีออส เป็นร้านทั่วไป หรือเคาน์เตอร์
โดยบริษัทจะลงทุนเอง 50 สาขา และขายแฟรนไชส์ให้ผู้ลงทุน 40 ราย จากปัจจุบันมีแฟรนไชส์แล้ว
6 สาขาเช่นที่ ชุมพร ตราด หาดใหญ่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ เป็นต้น
ปัจจุบันเจมาร์ทมีเครือข่ายที่เป็นคีออส ร้านมาตรฐาน รวมทั้งสิ้น 100 สาขา
แนวทางการขยายสาขาส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปเปิดที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก เพราะตลาดยังเปิดกว้างและเจมาร์ทขยายสาขาได้ไม่ทั่วถึง
โดยเฉพาะในระดับอำเภอ ตำบล ขณะที่ในกรุงเทพฯบริษัทวางเครือข่ายไว้แทบจะครอบคลุมแล้ว
สำหรับเป้าในปี 2546 จะขยายให้ครบ 350 สาขา และครบ 500 สาขาในปี 2547 ทั้งนี้ยอดขายของเจมาร์ท
เมื่อปี 2544 ทำได้ 2,000 ล้านบาท โดยกว่า 90% มาจากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ
ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์เสริมและคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเริ่มทำตลาดเมื่อปลายปีที่แล้ว
ส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่เบอร์ 1117 มียอดขาย 5 ล้านบาทต่อเดือน
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ มาร์ทกรุ๊ป กล่าวว่า
ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญตามล่าหารถเต่าหรือ JAY MART s Scout Beetle เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคจดจำเบอร์เดลิเวอรี่
1117 ให้ได้ในอันดับต้นๆ แคมเปญนี้เจาะกลุ่มคนที่มีรถยนต์เป็นของตนเอง อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล
เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับกลุ่มลูกค้าของบริการเดลิเวอรี่ของเจมาร์ท โดยทุ่มงบกว่า
7 ล้านบาท และบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากดีแทคด้วย ซึ่งแคมเปญนี้จะเริ่มตั้งแต่
18 มีนาคม-30 เมษายนศกนี้
แคมเปญดังกล่าว บริษัทได้จัดพิมพ์สติ๊กเกอร์ 450,000 ใบและซื้อรถโฟลค์เต่าบีทเทิ้ล
2 คัน กำหนดวิ่งรอบกรุงเทพฯ หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น รถสองคันจะจอดในจุดที่กำหนดเวลา
17.30-18.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้ร่วมเล่นเกม ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ
รายการโมเดิร์นเลิฟ 103.5 เมกกะเฮิร์ตซ ชิงรางวัลกว่า 600 รางวัล มูลค่ารวมกว่า
5 แสนบาท