124ฯ แต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ไตรมาส 2 ปี 48 พร้อมปรับโครงสร้างการถือหุ้น เบื้องต้นเปิดทางพันธมิตรให้เข้ามาร่วมธุรกิจ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับ 2 ราย คาดสรุปผลได้ก่อนกระจายหุ้น IPO ตั้งเป้าปีหน้าเติบโต 100% ด้วยเม็ดเงินรายได้กว่า 200 ล้านบาท ฟุ้งอีก 3 ปีฟันรายได้กว่า 1 พันล้านบาท
นายนิมิตร หมดราคี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 124 คอมมินิเคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายงานด้วยการหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ และเพิ่มจุดแข็งให้แก่องค์กร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับ 2 ราย ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจด้านกราฟิกดีไซน์จากประเทศญี่ปุ่นที่เปิดบริษัทอยู่ในประเทศไทย ส่วนอีกรายคือบริษัทเอเยนซีที่ทำงานด้านครีเอทีฟ ในกลุ่มของธุรกิจโทรคมนาคมของไทย มีบิลลิ่งต่อปีกว่า 1,000 ล้านบาท
หากได้พันธมิตรทั้ง 2 รายเข้ามาร่วมด้วย จะทำให้บริษัทมีงานกิจกรรมมากขึ้น และหนุนธุรกิจทำให้รับงานกิจกรรมได้มากขึ้น โดยคาดว่าดีลที่เจรจาอยู่นี้จะสรุปผลได้ก่อนที่จะกระจายหุ้น IPO เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ซึ่งเป้าหมายของการเข้าจดทะเบียนใน MAI นั้น ไม่ได้ต้องการเงินทุน แต่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนและประชาชนทั่วไป อันจะทำ ให้บริษัทสามารถเดินหน้าและขยายงานได้ง่าย ที่สำคัญเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI
โดยจะยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ต้นปี 48 และคาดว่าจะขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ประมาณไตรมาส 2 ปีหน้า โดยบริษัทได้แต่งตั้งให้ บริษัท เชจ แคปิตอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแต่งตั้งสำนักงาน เอเอ็มซี จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี
ปัจจุบัน 124ฯ มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยนายนิมิตร หมดราคี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 50% และกลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ถือหุ้นอีก 50% ซึ่งบริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท เมื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยนายนิมิตรจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือประมาณ 20-30% เท่านั้น
"ผมไม่ห่วงเรื่องการถือหุ้น เพราะหากว่าเราจะได้พันธมิตรที่ดีเข้ามาร่วมธุรกิจ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ผมต้องการให้บริษัทของเราโตไปได้อย่าง มั่นคง"
นายนิมิตรกล่าวถึงแผนงานทางธุรกิจว่า บริษัทจะมุ่งดำเนินงานการรับเป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ให้ กับกลุ่มบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และทำ IPO ให้กับบริษัทที่จะกระจายหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ MAI ด้วย รวมถึงบริษัทที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว และต้องการที่จะทำประชาสัมพันธ์ นอกจากนั้นจะขยายการรับงานในองค์กรภาครัฐมากขึ้น โดยกำลังอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประกวดราคา คาดว่าปี 48 จะได้งานจากองค์กรภาครัฐบาลประมาณ 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
เพราะจากการเข้าทดลองตลาด เมื่อแค่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี47 พบว่า 124ฯ รับงานของภาครัฐได้ 2 งาน มูลค่าประมาณ 31 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่างานภาครัฐจะเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทที่จะทำรายได้ เนื่องจากรัฐเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการทำประชาสัมพันธ์มากขึ้น เพื่อสื่อสารการรับรู้ที่ถูกต้องระหว่างรัฐและประชาชน โดยมีการตั้งงบประมาณสำหรับใช้ประชาสัมพันธ์รวมถึง 5,000 ล้านบาท
ดังนั้น เป้าหมายของบริษัทจึงเล็งไปที่งานภาครัฐมากขึ้นเท่ากับการทำงานประชาสัมพันธ์ซึ่งในปี 48 คาดว่าเม็ดเงินประชาสัมพันธ์จะมีไม่น้อยกว่าปี 47 และบริษัทเอเยนซีสามารถเข้ามาได้ทุกราย จึงตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าไว้ประมาณ 200 ล้านบาท โดย 150 ล้านบาทมาจากรายได้รับเป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการรับจัดกิจกรรมทางด้านการตลาด ส่วนกำไรคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 30% พร้อมตั้งเป้าในอีก 3 ปี จะมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจและการลงทุนในบริษัทอื่นที่ดีลงานกัน และคาดว่าจะเกิดการร่วมทุนหรือการร่วมดำเนินงานกับพันธมิตร
สำหรับผลการดำเนินงานปี 47 บริษัทพบว่ามีรายได้ประมาณ 110 ล้านบาท และมีกำไรเพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้มาจากการเป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมทางการตลาด
ปัจจุบันรายได้ของ 124ฯ มาจากกลุ่ม IPO&IR 23%, หน่วยงานรัฐบาล 19%, อสังหาริมทรัพย์ 12%, เทเลคอม 18%,แบงก์และไฟแนนซ์ 9%, เอนเตอร์เทนเมนต์ 6%, ธุรกิจขนส่ง 4%, ไลฟ์สไตล์ 4% และอื่นๆ
|