อิออนฯเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 กำไรสุทธิกว่า 205 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนรูดเงินสดผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น ส่งผลให้ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 104% โดยปัจจุบันมีลูกค้าถือบัตรเครดิตกว่า 1.3 ล้านบัตร

รายงานข่าวจากบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3 สิ้นสุด วันที่ 20 พฤศจิกายน 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 205.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท คิดเป็น 25% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสสอง 3%

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 562.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 438.14 ล้านบาท

สำหรับจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตในไตรมาส 3 ของบริษัทฯมีจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตทั้งสิ้น 1.3 ล้านบัตร บริษัทได้ขยายสาขาในต่างจังหวัดอีก 4 สาขา รวมมีสาขาทั้งสิ้น 60 สาขา มีเครื่องเบิกและชำระเงินสดรวมทั้งสิ้น 250 เครื่อง เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ของบริษัทมากขึ้น และได้ขยายจำนวนร้านคู่ค้าอีก 250 แห่ง ในไตรมาส 3 ของปี 2547 รวมมีร้านคู่ค้าทั้งสิ้น 8,538 แห่ง

รายงานข่าวกล่าวว่า ในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวม 1,282.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิต และการให้เงินกู้ยืม

สำหรับรายได้จากบัตรเครดิต บริษัทให้สินเชื่อบัตรเครดิต คิดเป็นสัดส่วน 48% ของยอดสินเชื่อรวม โดยมีการเติบโตของการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 104% มีรายได้ 513.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 83% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตที่ใช้ในต่างประเทศ มากขึ้นจากปีก่อน ทำให้การใช้จ่ายต่อบัตรเพิ่มขึ้น

ส่วนรายได้จากการให้เช่าซื้อบริษัทให้สินเชื่อเช่าซื้อ คิดเป็นสัดส่วน 38% ของยอดการให้สินเชื่อรวม มีรายได้จากการให้สินเชื่อเช่าซื้อจำนวน 409.88 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ เนื่องจากการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์

ขณะที่รายได้จากการให้เงินกู้ยืม ในไตรมาสที่ 3 บริษัทสามารถขยายการให้บริการสินเชื่อเงินกู้ยืมมากขึ้น โดยได้อนุมัติสินเชื่อคิดเป็น 12% ของยอดการให้สินเชื่อรวม โดยมีรายได้จากสินเชื่อกู้ยืมจำนวน 304.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับรายได้จากการซื้อสิทธิเรียกร้อง และรายได้อื่นจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2547 บริษัทมีรายได้จากสิทธิเรียกร้องและรายได้อื่นจำนวน 54.61 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 4% ของรายได้รวม

ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 1,006.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของปริมาณการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายตัวของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนเดียวกันที่ 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เป็นค่าใช้จ่ายหลักของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าธรรมเนียม ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ในไตรมาส 3 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 551.44 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจ และค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น โฆษณาทางโทรทัศน์

ในส่วนของหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 3 ของปีบัญชี 2547 บริษัทได้สำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 303.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 51% อย่างไรก็ตาม จำนวนหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญรวม 9 เดือนในปีนี้ เท่ากับ 790.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 2% จากปีก่อน ทั้งนี้ สำรองดังกล่าวสามารถครอบคลุม ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นเต็มจำนวน

สำหรับดอกเบี้ยจ่ายไตรมาส 3 ของปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ขยายการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2547 โดยมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจำนวน 151.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เนื่อง จากการขยายตัวของสินเชื่อ และเป็นอัตราส่วน 11% ของรายได้รวม ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนต่อรายได้ที่เท่ากับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2547 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 19,154.87 ล้านบาท สินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อลูกหนี้ การค้าสุทธิ มีสัดส่วนประมาณ 88% ของสินทรัพย์รวม และบริษัทได้สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งสิ้น 452.20 ล้านบาท