นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ รองประธานและกรรมการอำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล
บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ยูนิลีเวอร์ได้ปรับนโยบายและโครงสร้างของธุรกิจขายตรงอาวียองซ์ใหม่
หลังจากที่ได้ดำเนินการขายตรงครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2543 โดยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น
ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงแบบเครือข่ายหรือเอ็มแอลเอ็ม
ทั้งนี้ชื่อ อาวียองซ์ จะเป็นเพียงชื่อของผลิตภัณฑ์กลุ่มหนึ่งที่จำหน่ายในระบบขายตรงเท่านั้น
สาเหตุที่บริษัทฯเปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เนื่องจากว่า
การทำธุรกิจขายตรงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและสมาชิก ดังนั้นการที่หันมาใช้ชื่อ
ยูนิลีเวอร์ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีและมีความเหมาะสมมากกว่าอาวียองซ์เพราะว่าชื่อยูนิลีเวอร์นี้
ผู้บริโภครู้จักเป็นอย่างดีสามารถสร้างความน่าเชื่อถือทั้งในแง่คุณภาพและบริการได้อย่างดี
โดยจะมีการประกาศใช้ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการในกลางเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเปลี่ยนป้ายในศูนย์แต่ละแห่งทั้งหมดแล้ว
“ปรัชญาและสโลแกนของธุรกิจขายตรงก็เปลี่ยนด้วยจากเดิม Bring out Your Hidden
Talent มาเป็น Your Partner for Life”
นอกจากนั้นแล้วก็จะมีการขยายกลุ่มสินค้าใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายขายตรง
ซึ่งขณะนี้มีทั้งสิ้น 3 กลุ่มคือ สินค้าเพอร์ชันแนลแคร์สำหรับผู้หญิงใช้ชื่อสินค้าว่า
อาวียองซ์ 2.สินค้าเพอร์ชันแนลแคร์ผู้ชายใช้ชื่อว่า ครูซ (CRUZ) เพิ่งออกตลาดเมื่อปลายปีที่แล้ว
3.สินค้ากลุ่มโฮมแคร์ใช้ชื่อว่า ซูเปอร์แมกซ์ เพิ่งออกตลาดเมื่อเดือนที่แล้ว
ปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมดกว่า 111 เอสเคยู และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสินค้าอีกแต่จะไม่เกินประมาณ
200-300 เอสเคยู เนื่องจากถ้ามีจำนวนเอสเคยูมากก็จะส่งผลให้ต้นทุนดำเนินการสูงขึ้นด้วย
ในอนาคตมีแผนที่จะขยายไลน์กลุ่มสินค้าออกให้ครบประมาณ 5-6 กลุ่มเช่น กลุ่มอาหารเสริม
กลุ่มสินค้าเด็ก เป็นต้น โดยสินค้าทั้งหมดจะเป็นการว่าจ้างให้พันธมิตรของยูนิลีเวอร์เป็นผู้ผลิตทั้งหมด
ภายใต้การควบคุมของบริษัทฯ แต่ยังยืนยันที่จะไม่นำสินค้าในส่วนของยูนิลีเวอร
์และสินค้าของบริษัทอื่นมาจัดจำหน่ายในระบบขายตรงแน่นอน
สำหรับผลตอบแทนให้กับสมาชิกนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนบ้างเช่นกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดให้กับสมาชิก
ล่าสุดได้ใช้กลยุทธ์การจัดตั้งกองทุนซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ กองทุนรถยนต์
กองทุนบ้าน และกองทุนเพื่อการลงทุน โดยแต่ละกองทุนจะได้มาจาก 1% ของยอดคะแนนสั่งซื้อสุทธิรวมทั้งหมดของการขายตรงเข้าไปเก็บไว้ในกองทุน
ส่วนเงื่อนไขผลประโยชน์อื่นก็ยังมีอีกเหมือนเดิมช่น กำไรจากการขายปลีกเป็นส่วนลดกว่า
10-25% ของการสั่งซื้อสินค้าไปจำหน่าย, โบนัสเครือข่าย 3% สูง 7 ชั้น ,โบนัสผลงานสูง
7 % , โบนัสผู้นำ3% 7 ชั้น และโปรแกรมสไตล์ชีวิตอิสระ
โดยสมาชิกของยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค มี 2 แบบคือ สมาชิกอภิสิทธิ์ ค่าสมัคร
200 บาทตลอดชีพ และสมาชิกธุรกิจ ค่าสมัคร 600 บาทตลอดชีพ
“ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างดี และมีมูลค่ามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดขายตรงของสินค้าสกินแคร์ใหญ่มาก
ดังนั้นเราจึงต้องมีการปรับตัว เพื่อให้สามารถสร้างศักยภาพในการแข่งขันได้เช่น
การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือน”
นางกรรณิกากล่าวด้วยว่า ธุรกิจขายตรงของยูนิลีเวอร์เพิ่งเริมต้นได้ไม่กี่ปี
ยังอยู่ในช่วงของการลงทุนและสร้างฐาน ดังนั้นช่วงนี้ยังไม่กำไร แต่คาดว่าภายใน
2-3 ปีเริ่มจะมีกำไรได้แน่นอน ซึ่งสมาชิกเวลานี้ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แบ่งสัดส่วนเป็นสมาชิกอภิสิทธิมากกว่า60% สมาชิกธุรกิจ 40%
ในปีนี้ยังมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่อง ทั้งการวิจัยพัฒนาสินค้า การลงทุนศูนย์ยูนิลีเวอร์
เน็ทเวิร์ค ซึ่งเป็นศูนย์สำหรับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ให้บริการตรวจวิเคราะห์ผิวและผม
ฝึกอบรม เพิ่มขึ้นเป็นแห่งที่ 4 คือที่ ชั้น 1 อาคารจุลดิศ หาดใหญ่พลาซ่า
ภายในเดือนเมษายนนี้ จากเดิมที่มีเปิดบริการแล้ว 3 ศูนย์คือ ชั้น 8 ตึกไทยพาณิชย์ปาร์คพลาซ่า
อาคาร 1 เวสท์, ชั้น 2 ศูนย์การค้าสีลมคอมเพล็กซ์ และ ชั้น 1 ศูนย์การค้าแหลมทอง
ช็อปปิ้งพลาซ่า ระยอง