Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 ธันวาคม 2547
ทีทีแอนด์ทีเล็งขอ 3 ไลเซนส์บริการใหม่จี้กทช.รื้อโครงสร้างระบบโทรคมนาคม             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ทีทีแอนด์ที, บมจ.
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
Telecommunications




ทีทีแอนด์ทีวางแนวทางธุรกิจปี 2548 หวังความชัดเจนของกทช. เตรียมขอไลเซนส์ 3 บริการใหม่ โทร.ทางไกลต่างประเทศ ไอเอสพี และบรอดแบนด์ พร้อมสร้างรายได้จากธุรกิจเสริมด้านคอนเทนต์ วิเคราะห์อินเตอร์คอนเน็กชันชาร์จเกิดยาก ส่งผลกระทบหลายด้าน แนะปรับโครงสร้างระบบโทรคมนาคมใหม่หมดเพื่อความถูกต้อง

นายประจวบ ตันตินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดทีทีแอนด์ทีในปี 2548 ว่าขึ้นอยู่กับความพร้อมของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในเรื่องการกำกับดูแลและการออกกฎกติกา ซึ่งเมื่อกทช.มีความชัดเจนในแง่ภาคปฏิบัติ ทีทีแอนด์ทีเตรียมการที่จะขอใบอนุญาตหรือไลเซนส์ใหม่ใน 3 บริการ คือ 1.ให้บริการโทรทางไกลต่างประเทศ 2.ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) และ 3.อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์)

ผู้บริหารทีทีแอนด์ที กล่าวว่า การเข้าสู่ธุรกิจใหม่แต่ละเรื่องต้องใช้เวลา โดยหลักใหญ่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกทช.ว่าจะทำเรื่องไหนก่อนทางทีทีแอนด์ทีก็จะทำเรื่องขอไลเซนส์ไป โดยคาดว่าเมื่อขอไลเซนส์ในปี 2548 ก็จะสามารถให้บริการได้จริงในปี 2549

ส่วนแนวทางการทำตลาดในปี 2548 เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่นกำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และจากการที่ทีทีแอนด์ทีเป็นผู้รับสัมปทานจากทศท ผู้บริหารทีทีแอนด์ที กล่าวว่า ปัจจุบันในแง่การทำธุรกิจทีทีแอนด์ทีกับทศทมีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันมาก นับจากนี้ต่อไปด้านการตลาดคงต้องมีการหารือกันมากขึ้น

"ยังมีเรื่องที่ไม่เรียบร้อยอีกหลายเรื่อง อย่างเรื่องการแปรสัญญาสัมปทานที่มุ่งหวังให้เกิดการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมโดยมุ่งให้ประโยชน์สูงสุดตกกับผู้บริโภค"

นายประจวบ แสดงความคิดเห็นว่าที่ผ่านมานโยบายของภาครัฐโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอซีทีต้องการให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เช่น การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าโทรศัพท์พื้นฐานจากเดิมที่รัฐมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งผลประโยชน์ก็ตกกับผู้บริโภค แต่ในแง่ภาครัฐแล้วยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนที่มอบให้แก่รัฐ กลายเป็นคนทำธุรกิจได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการมีรายได้ลดลง

ส่วนเรื่องค่าเชื่อมโครงข่ายหรือ อินเตอร์คอนเน็กชันชาร์จ น่าจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบกับทุกโอเปอเรเตอร์ ไม่ว่าระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคมกับโอเปอเรเตอร์ หรือทศทกับโอเปอเรเตอร์และกับโอเปอเรเตอร์ด้วยกันเอง ด้วยข้อกำหนดที่ว่า ให้เก็บ 1 นาที 1 บาทในขณะที่โทรศัพท์สาธารณะต่างจังหวัดที่ให้บริการอยู่ขณะนี้คือ 3 นาที 1 บาท ส่งผลให้โปรโมชันนี้ไม่น่าจะทำต่อไปได้ เพราะจะทำให้เกิดการขาดทุน

ในความเห็นของผู้บริหารทีทีแอนด์ทีคือ อินเตอร์คอนเน็กชันชาร์จ ไม่น่าเกิดได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาหลายฝ่าย

"จริงๆ แล้วเราทำผิดมาตั้งแต่ต้น เราต้องการทำอินเตอร์คอนเน็กชันชาร์จแบบสากล แต่เราหยิบเพียงจุดเดียวมาแก้ไขแทนที่จะจับทั้งโครงสร้างระบบโทรคมนาคมของเรามาดูว่าเป็นอย่างไรและมาแก้ไขทั้งหมด การแก้ไขบางจุดก็เหมือนเราใส่สูทกับกางเกงม่อฮ่อม มันไม่ถูกต้อง ต้องการใส่สูทก็ต้องใส่ชุดข้างในแบบสากล"

อินเตอร์คอนเนกชันชาร์จเป็นการคิดค่าบริการระหว่างกัน หากกำหนดให้ใช้อัตรานี้ก็จะส่งให้ผู้ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากได้เปรียบในกรณีจัดโปรโมชันให้ลูกค้าที่โทร. ในเครือข่ายเดียวกัน และทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในที่สุด กทช.หรือ ไอซีที จึงน่าจะคำนึงในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนเรื่องหนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเจ้าหนี้กลุ่มหนึ่ง แปลงหนี้เป็นทุน ส่งผลให้หนี้ของทีทีแอนด์ทีลดลงประมาณ 220 ล้านบาท โดยในปี 2548 มีแผนคืนหนี้อีกประมาณ 170 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2548 ทีทีแอนด์ที คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ1,700 ล้านบาท

ด้านนายสุรช ล่ำซำ ผู้อำนวยการสายงานการตลาดและบริการ ทีทีแอนด์ที กล่าวว่า จากการเปิดตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ในภูมิภาค ปัจจุบันติดตั้งแล้ว 15,000 พอร์ต

"ปีหน้าทีทีแอนด์ทีจะมุ่งรายได้หลักจากลีสไลน์และไฮสปีดอินเทอร์เน็ต จากปัจจุบันเครือข่ายสามารถครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ประมาณ 32,000 พอร์ต เราคาดว่าจะเพิ่มเป็น 80,000 พอร์ต ในปี 2548 โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้า ถึง 50,000 ราย"

นายสุรชมองว่า การทำบรอดแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จอยู่ที่การมีคอนเทนต์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ในปีหน้า ทีทีแอนด์ทีจึงจะมุ่งเรื่องการทำคอนเทนต์เป็นหลัก โดยส่งผลให้รายได้จากบรอดแบรนด์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนเสริมรายได้จากการให้บริการด้านเสียงหรือวอยซ์ซึ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว ในแต่ละเดือนเริ่มมีรายได้ที่คงที่

การมุ่งสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงเข้าการเป็นลูกค้าบรอดแบนด์ของทีทีแอนด์ทีเริ่มจากการใส่คอนเทนต์ ด้านเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก โดยการจับมือกับค่ายอาร์.เอส. โดยมุ่งกลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีลงมา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยความคิดที่ว่าคอมพิวเตอร์ตลาดหลักจะอยู่ที่เด็กมากกว่า

"ในปีหน้า ทีทีแอนด์ทีจะออกบริการเสริมใหม่ๆ ออกมาอีก 3-4 อย่าง เพื่อกระตุ้นการใช้งานด้านบริการที่ไม่ใช่เสียง"

นอกจากนี้ ในปี 2548 จะเป็นปีที่ทีทีแอนด์ทีมุ่งเรื่องการสร้าง Brand Awareness ตามสโลแกนที่ว่า "สื่อสารทันสมัย เพื่อไทยทุกทิศ"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us