Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2545
กศน.ภาคเหนือ ประภาคารแห่งการเรียนรู้             
โดย สมศักดิ์ ดำรงสุนทรชัย
 

   
related stories

หมู่บ้านสามขา ชุมชนเข้มแข็งด้วยการเรียนรู้




ขณะที่บริบทโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีกรมวิชาการ กรมสามัญศึกษา และสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติเป็นดาวเด่น ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ภาคเหนือ กำลังพลิกบทบาทของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ให้ขึ้นมาเป็นหน่วยงานระดับแนวหน้าอีกส่วนหนึ่ง ท่ามกลางกระแสการปฏิรูปการศึกษาที่กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

บทบาทของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ภาคเหนือ ดำเนินไปด้วยนโยบายเชิงรุกที่มิได้มุ่งเน้นการฝึกอบรมด้านวิชาการ หรือวิชาชีพให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสในการเข้าศึกษาในระบบ ดังเช่นที่ยึดถือปฏิบัติกันมาเช่นในอดีต หากแต่กำลังเร่งสร้างโครงข่ายของกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับชุมชนในมิติที่น่าสนใจยิ่ง

ภายใต้โครงการ Lighthouse หรือ ประภาคารแห่งการเรียนรู้ รวมถึงการจัดตั้ง Constructionism Lab ซึ่งมีฐานะไม่ต่างไปจากการเป็นฐานที่มั่นของแนวความคิดการสร้างสรรค์ด้วยปัญญา ที่มีมูลนิธิศึกษาพัฒน์ เป็นผู้ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขัน บทบาทของ กศน.ภาคเหนือ ดูจะข้ามพ้นขีดจำกัดเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยหลักพื้นฐานที่ว่า "เนื้อแท้ของการศึกษาก็คือ การรู้คุณค่าของตัวเอง และงานที่เกิดขึ้น"

ความคิดในการพัฒนาโครงการ Lighthouse เริ่มด้วยการจุดประกายของ Nicholas Negroponte ผู้อำนวยการ Media Lab แห่ง MIT ซึ่งได้เดินทางมาประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2539 พร้อมกับการย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้แบบใหม่ในโรงเรียน โดยควรจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาเลยทีเดียว

"บุคลากรระดับนำของมูลนิธิศึกษาพัฒน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา มีความเห็นสอดคล้องกับแนวความคิดดังกล่าว และเริ่มติดต่อเชื้อเชิญ Seymour Papert ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์ทฤษฎี Constructionism ให้เข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษาในประเทศไทย" สุชิน เพ็ชรักษ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ กศน.ภาคเหนือ ในฐานะผู้จัดการโครงการ Lighthouse และ Constructionism Lab เล่าถึงที่มาของโครงการดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ

ขณะเดียวกันกลุ่มทำงานด้านการพัฒนาการศึกษาของมูลนิธิศึกษาพัฒน์ ก็ได้จัดประชุมระดมสมองเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งข้อสรุปจากการประชุมระดมสมองนักการศึกษา นักวิชาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และนักอุตสาหกรรม ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาสำคัญของการศึกษาไทย อยู่ที่การเน้นการสอนมากกว่าการเรียน ขาดการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ขาดการพัฒนาทักษะในการคิด และการใช้ความรู้โดยนักเรียน และที่สำคัญที่สุดก็คือแรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในองค์กรทางการศึกษาเอง

ข้อสรุปที่ได้จากการประชุมในครั้งนั้น กลายเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ส่งไปถึง Seymour Papert ได้พิจารณา ก่อนที่เขาจะเดินทางมาศึกษาสภาพการจัดการศึกษาที่เป็นจริงของไทย ในช่วงปลายปี 2539 ภายใต้ทัศนะที่ว่าไม่ประสงค์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ชี้แนะให้กระทำการใดๆ โดยไม่ได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่และสภาพที่แท้จริงของสังคมนั้น

ในเอกสารที่ Seymour Papert ได้นำเสนอต่อมูลนิธิศึกษาพัฒน์ ในเดือนมีนาคม 2540 ได้กล่าวถึงแนวความคิดพื้นฐานของโครงการ Lighthouse ไว้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งว่า ประภาคาร เป็นเพียงหนึ่งในบรรดาเครื่องช่วยเหลือสำหรับหาทิศทางการเดินเรือในบริเวณที่มีอันตราย ทหารเรือที่มีความคิดดี ใช้เครื่องมือหลายอย่างร่วมกันเสมอ โครงการนี้มิได้กำหนดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการศึกษาของไทย หากแต่เป็นความพยายามที่จะชี้ให้เห็นว่าช่องทางใดที่สามารถผ่านเข้าไปได้ และที่ใด เป็นหินโสโครกที่ควรจะหลบเลี่ยงให้พ้น

"คำแนะนำที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ Seymour Papert ในการดำเนินโครงการ Lighthouse อยู่ที่การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติในระบบการศึกษาของไทย ที่เดิมเน้นครูเป็นศูนย์กลาง (teachercentered) และเรียนตามหลักสูตรกำหนด (curriculum-driven) มาสู่การมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (learner-centered) แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด (mindset) ของผู้ที่เกี่ยวข้อง" สุชินย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่ต้องเผชิญ

แผนการดำเนินงานของโครงการ Lighthouse จึงจัดวางไว้เป็นสามขั้นตอน กล่าวคือ

(1) การจัดโครงการทดลองนำร่อง ที่ต้องแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ ในลักษณะที่ต้องมีความแตกต่างจากระบบเดิมอย่างชัดเจน
(2) ใช้โครงการนำร่องชี้ให้สาธารณชน ได้มองเห็นรูปแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนกรอบความคิดได้ และ
(3) สร้างตัวอย่างใหม่ให้เกิดขึ้นในโรงเรียน

กระบวนการของโครงการ Lighthouse ในระยะเริ่มแรกในช่วงปี 2541 จึงเริ่มต้นด้วยการจัดอบรมบุคลากรที่ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมืองลำปาง หลายครั้ง ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานในสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ที่มีสำนักงานอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน ทั้งศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมืองลำปาง, ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดลำปาง, ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดลำปาง และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ภาคเหนือ

"หลังจากการอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรหลายครั้ง จึงได้มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรในโครงการ Lighthouse โดยใช้ชื่อ Constructionism Lab เพื่อสื่อสะท้อนความหมายในการเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา โดยใช้ทฤษฎี Constructionism เป็นหลัก"

แม้ว่า กศน. ภาคเหนือ จะแสดงออกซึ่งความแข็งขันในการเปลี่ยนแปลงและกล้าที่จะทดลองแนวความคิดใหม่ๆ แต่กรณีการจัดตั้ง Constructionism Lab ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญเป็นเพียงตัวอาคาร สำหรับการฝึกอบรม หากยังเป็นหน่วย multimedia และศูนย์สารสนเทศด้วยระบบ electronic library คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิไทยคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเยี่ยมชม โครงการ Lighthouse ที่ กศน.ภาคเหนือแห่งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 ก่อนหน้าที่ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยจะเข้าครองอำนาจรัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียอีก

หากพิจารณาจากปรากฏการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า เป้าหมายและแผนดำเนินงานของโครงการ Lighthouse ที่มี กศน.ภาคเหนือ เป็นศูนย์กลาง ได้ผ่านขั้นตอนตามกระบวนการที่ตั้งไว้อย่างได้ผล ดังจะเห็นได้จากความพยายามในการขยายแนวความคิดว่าด้วย Constructionism ไปสู่สังคมวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโรงเรียนแนวใหม่อย่างดรุณสิกขาลัย หรือการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ขึ้นในโรงเรียนบ้านสันกำแพง ซึ่งอยู่ในระบบของสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ การขยายแนวความคิดเข้าสู่บุคลากรในสถาบันราชภัฏลำปางและสถาบันราชภัฏแห่งอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตบุคลากรทางการศึกษา ที่นับเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกระบวนการเรียนรู้แนวใหม่นี้

"กศน. จะเป็นประหนึ่งแกนนำในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ใหม่ โดยจะต้องผ่องถ่ายแนวความคิดนี้ไปสู่สถาบันราชภัฏ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตครูให้มีทัศนะในการสอนแบบใหม่ พร้อมๆ กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ในระบบโรงเรียน โดยเริ่มจากชั้นประถมศึกษา และการขยายไปสู่ภาคเอกชน รวมถึงผู้ปกครองนักเรียนซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันทั้งชุมชน"

แนวทางในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ระดับชั้นเรียน (class that learns) มาสู่การเรียนรู้ทั้งโรงเรียน (school that learns) ก่อนที่จะเป็นการเรียนรู้ร่วมระดับชุมชน (community that learns) และขยายไปสู่จังหวัด (province that learns) และภูมิภาค (regional that learns) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้างชาติ (nation that learns) ที่สามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ในอนาคต

แนวความคิดดังกล่าวได้รับการกำหนดนิยามในฐานะกลุ่มลำปางหรือ Lampang Cluster ซึ่งเป็นประหนึ่งห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่มีองค์ประกอบหลากหลายกระจายอยู่ทั่วทั้งเขตภาคเหนือ โดยมิได้จำกัดอยู่เฉพาะการสร้างกระบวนการเรียนรู้ในระบบโรงเรียนเท่านั้น หากแต่ยังครอบคลุมไปถึงการสร้างกระบวนการเรียนรู้ในระดับชุมชน ภายใต้แนวทาง Constructionism อีกด้วย

"สิ่งที่ กศน.ภาคเหนือดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มิใช่การถ่ายทอดความรู้ (knowledge transfer) ที่มีลักษณะเดียวกันเหมือนกันหมด ภายใต้กฎระเบียบที่ตายตัวเช่นในอดีต หากแต่เป็นการสร้างกระบวนการในการพัฒนาตัวเองของปัจเจกชนและชุมชน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ท่ามกลางความหลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ (knowledge construction) ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละกลุ่มแต่ละคน ขึ้นอยู่กับการสังเคราะห์ประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่า" สุชินซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการศึกษาที่มีความเข้าใจในทฤษฎี Constructionism มากที่สุดคนหนึ่งของไทย สรุปกิจกรรมของ กศน.ภาคเหนือ และโครงการ Lighthouse ที่เขาเป็นผู้ดูแลได้อย่างหมดจด

ซึ่งหากหน้าที่และบทบาทของกระบวนการศึกษาเรียนรู้ อยู่ที่การแปลงแนวความคิดที่เป็นนามธรรมให้สามารถบังเกิดผลขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ นี่คือตัวอย่างน่าสนใจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ และคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดที่ฝังรากอยู่ในแวดวงการศึกษาไทยได้มากน้อยเพียงใด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us