Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 ธันวาคม 2547
แบงก์สำรองเกินเกณฑ์34%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Banking




ธปท.คุยฐานะของธนาคารพาณิชย์แข็งแกร่งขึ้นมาก กันสำรองเกินเกณฑ์แบงก์ชาติกว่า 34.4% ทำให้ไม่ต้องกันสำรองเพิ่มเติม พร้อมให้ความมั่นใจปี 48 แบงก์กำไรดีต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาหนี้เอ็นพีแอลยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ธปท.ต้องเร่งแก้ไขในปีหน้า แม้สิ้นไตรมาสที่ 3 ลดเหลือเพียง 11.6% ส่วนคลังอนุมัติบง.เอไอจีไฟแนนซ์ และเกียรตินาคิน ยกฐานะเป็นแบงก์ภายใน 1-2 วันนี้

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 ว่า ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์(ROA) ในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 1.6 เทียบกับไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.3 หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 46 อยู่ที่ 0 ขณะที่ผลการดำเนินงานมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยกำไรทั้งระบบอยู่ที่ 27,000 ล้านบาท

โดยเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบอยู่ที่ 12.9% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจเพราะเกินกว่าที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.5% ส่วนสินเชื่อในไตรมาส 3 ที่พิจารณาจากงบดุลของธนาคารพาณิชย์จะโตประมาณ 9.5% หรือหากพิจารณาสินเชื่อมีการปรับมูลค่าการสำรองหนี้จัดชั้นแล้วขยายตัว 14.4%

สำหรับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้น เกิดจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น และภาระการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลดลง ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารพาณิชย์ในปี 2548 น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งในแง่ของการขยายสินเชื่อยังสามารถขยายตัวได้ดี ส่วนภาระในการกันสำรองหนี้มีน้อยลง และในแง่ต้นทุนด้านอื่นๆ ธนาคารพาณิชย์เองได้มีการรัดเข็มขัดมานานแล้ว เชื่อว่ายังจะดำเนินการเช่นนี้ต่อไป

"ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีการกันสำรองเกินกว่าที่ ธปท. กำหนดถึงร้อยละ 34.4 ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่มีความจำเป็นที่ต้องกันสำรองเพิ่มเติม และที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงและมีระบบการตรวจสอบภายในที่ดีขึ้น"

อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่า ในปี 2548 ธนาคารพาณิชย์จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไร เพราะภาวะการแข่งขันที่รุนแรง คืออาจมีการแข่งขันด้านราคา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละธนาคาร

นางธาริษา กล่าวต่อถึงตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 ล่าสุดว่าอยู่ที่ 6 แสนกว่าล้านบาท หรือ 11.6% ถือว่าเอ็นพีแอลลดลงไปมาก เห็นได้ว่าเอ็นพีแอลมีคุณภาพดีขึ้น โดยเอ็นพีแอลที่ไหลย้อนกลับ(re-entry) ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ 41,000 ล้านบาท และเอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ (New NPL) อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 2 อยู่ที่ 48,000 ล้านบาท สาเหตุที่เอ็นพีแอลมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผู้กู้มีความสามารถชำระหนี้มากขึ้น และธนาคารพาณิชย์มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น และมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ธปท.เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งปรับปรุงให้ดีขึ้นในปีหน้า คือปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งเชื่อว่าการรอร่างกฎหมายแก้ไขให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) จะเป็นเครื่องมือที่ออกมาช่วยลดหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ได้

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องการยกระดับบริษัทเงินทุน (บง.) และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์(บค.) ขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาการยกระดับของ บง. 2 แห่ง คือ บง.เอไอจีไฟแนนซ์ และบง.เกียรตินาคิน เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังภายใน 1-2 วันนี้อย่างแน่นอน ส่วนรายอื่น ๆ ที่ยื่นขอยกระดับมานั้นกำลังทยอยส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us