|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นไทยน๊อคซ์ฯเทรดวันแรกราคาหลุดจอง 14.28% "ประยุทธ" ยันกอดหุ้นแน่นไม่ขายออกมา เตรียมนำเงิน 750-800 ล้านบาท มาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้านที่ปรึกษาเชื่อหากภาวะหุ้นไม่ผัน ผวนหุ้นไทยน๊อคซ์สูงกว่าราคาจอง ย้ำความเชื่อมั่นไม่ขายหุ้นที่ราคา 1.30 แน่นอน ส่วนหุ้นเดิม 5.5 พันล้านหุ้นติดไซเลนต์พีเรียด 6 เดือน
เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) หุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส (TNX) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ระดับ 2.14 บาท สูงกว่าราคาจองที่กำหนดไว้หุ้นละ 2.10 บาท หลังจากนั้นก็มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาขึ้นมาสูงสุดที่ระดับ 2.16 บาท ต่อมาก็มีแรงเทขายทำกำไรออกมาจนทำให้ราคาอ่อนตัวลดลงและมาปิดที่ระดับ 1.80 บาทลดลง 0.30 บาท หรือ 14.28%
นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัทไทยน๊อคซ์สเตนเลส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในระดับราคาช่วงเช้าที่อยู่ในระดับ 2.12 บาทนั้น ซึ่งเหนือกว่าราคาจองเล็กน้อย โดยส่วนตัวแล้วในระดับราคาดังกล่าวจะไม่ขายหุ้นไทยน๊อคซ์ฯออกมาแน่นอน ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยจะพอใจกับ ระดับราคาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนแต่ก็มีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและไม่มีหนี้ โดยในงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,570 ล้านบาท และจากผลประกอบการดังกล่าวคาดว่าบริษัท จะมีเงินนำมาปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ประมาณ 750-800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเชื่อว่าภายในไตรมาส 4 จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
"เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ได้รับประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปใช้ส่วนตัว และบางส่วนไปชำระหนี้โดยไม่ได้นำไปใช้การเมืองแต่อย่างใด ในส่วนของราคา 2.10 บาท เพื่อนฝูงสนใจจะจองสูงกว่า 2 พันล้านหุ้น ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาซื้อในช่วงที่ราคาต่ำกว่าราคาจอง" นายประยุทธกล่าว
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่ามีการเสนอขายหุ้นไทยน๊อคซ์สเตนเลสในระดับหลายราคานั้น นายประยุทธกล่าวว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด 2.5 พันล้านหุ้นนั้น เสนอขายในระดับราคาเดียวที่ระดับหุ้นละ 2.10 บาทเท่ากันหมด
นอกจากนี้ การขายหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลสในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้จัดสรรหุ้นให้แก่ผู้มีอุปการคุณหรือกลุ่มเพื่อน ฝูงมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจำนวน 22 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เจ้าของหุ้นมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานจึงได้จัดสรรหุ้นให้แก่ผู้มีอุปการคุณดังกล่าว
"ระดับราคาหุ้นในปัจจุบันนี้คงจะไม่เข้าไปซื้อเพิ่มเพราะขณะนี้ผมมีหุ้นไทยน๊อคซ์ สเตนเลสจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ถ้าผมซื้อหุ้นในกระดานเพิ่ม ก็จะต้องรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้" นายประยุทธกล่าว
นายวันชัย มโนสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นไทยน๊อคซ์ กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นไทยน๊อคซ์ต่ำกว่าราคาจองส่วนหนึ่ง มาจากปัจจัยที่ภาวะตลาดหุ้นยังคงผันผวน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าบริษัทที่มีพื้นฐานดีหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงก็เป็นเพียงชั่วขณะ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าหาก นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลทั้งจากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนและข่าวในทางลบของบริษัท นักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
นายชวลิต จินดาวณิค ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตัวภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนทำให้ราคาหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ปรับขึ้นไม่แรง แต่ทั้งนี้บทวิเคราะห์ หลายแห่งยังให้ราคาเป้าหมายในระดับที่สูงกว่าราคาจองแต่คงต้องใช้เวลา เพราะปกติบทวิเคราะห์จะมองไปล่วงหน้า 12 เดือน
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ในส่วนของราคาหุ้นที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั้ง 2,500 ล้านหุ้น เป็นราคาเดียวกันที่ 2.10 บาท และในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม 5,500 ล้านหุ้น จะติดไซเลนต์พีเรียดเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับข่าวเรื่องการขายหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณในราคา 1.30 บาทนั้น ขอให้นักลงทุนมั่นใจว่าไม่มีการขายราคาดังกล่าว และส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาไม่ปรับขึ้นมากนักน่าจะมาจากเรื่องดังกล่าว
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า วานนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ในหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำนวน 2 รายการ จำนวนหุ้น 55 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 115.50 ล้านบาท โดยราคาซื้อขายโดยเฉลี่ยหุ้นละ 2.10 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาจอง
ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (14 .ธ.ค.) ตลอดวันดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดน บวกก่อนจะมีแรงขายออกมาในช่วงท้ายตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 646.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ 0.05% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 651.35 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,811.31 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.23 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 70.22 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 68.98 ล้านบาท
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงการคาดหมายว่าหากผลการประชุมออกมาตามที่คาดไว้ว่าเฟดน่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% เป็น 2.25% นั้น เรื่องดังกล่าวคงไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้รับรู้ข่าวนานแล้วว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น
ทั้งนี้คงต้องรอดูว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ขึ้นตามการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่ โดยเชื่อว่าธปท. จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามเฟด เพราะหากมีการปรับขึ้นตามเฟดจะส่งผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา ธปท. พยายามเข้าแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนค่าลงบ้างแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หากธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามเฟดจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะทำให้ดัชนีฯของหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงส่งผลกระทบต่อหุ้นบางกลุ่มที่ต้นทุนทาง การเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มเดินเรือ
|
|
|
|
|