"อรุณ จิรชวาลา" เอ็มดีใหม่แบงก์นครหลวงไทย เปิดยุทธศาสตร์ปีระกา ดึงพันธมิตรเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อน เล็งทำธุรกิจลีสซิ่ง มั่นใจกำไรปีหน้าเติบโตเพิ่มขึ้น วางเป้าปล่อยสินเชื่อสุทธิ 4-6 หมื่นล้านบาท โต 20% เพิ่มกลุ่มรายย่อยและรายกลางเป็น 25-30% ของฐานลูกค้าทั้งหมด จากเดิมอยู่ที่ 12% และดันรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัว 20% พร้อมเปิดทางพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่เข้าเสริมทัพ
นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจในปีหน้า เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจครบวงจร (Universal Bank) ที่จะสรรหาผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน หากยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดที่ธนาคารหรือบริษัทในเครือไม่สามารถทำได้ ก็จะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมทำธุรกิจดังกล่าว ด้วย เช่น บริการด้านลีสซิ่ง ไฮเปอร์เชส หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายรายได้จากค่าธรรมเนียม
ที่ผ่านมาธนาคารได้ใช้นโยบายร่วมกับบริษัทในเครือที่สนับสนุนธุรกิจครบวงจร โดยขณะนี้มีบริษัทเกือบครบทุกด้าน บริษัทประกันชีวิต ประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์
ซึ่งถือว่าสนับสนุนบริการทางการเงินที่ครบอยู่แล้ว แต่ต้องการที่จะหาพันธมิตรเข้ามาเพิ่มความหลากหลาย และจัดทำผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนได้ ตอบสนองลูกค้าได้ตรงเป้าหมายมากที่สุด
"การดึงพันธมิตรเข้าเสริม เป็นการทำเฉพาะรายผลิตภัณฑ์ ซึ่งธนาคารมองว่าการลงทุนหรือความเชี่ยวชาญของธนาคารนั้นยังไม่พร้อม รวมทั้งหากลงทุนจะมีต้นทุนที่สูงกว่า จึงหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมาแบ่งสรรกำไรกัน เป็นความร่วมมือทางธุรกิจ จะไม่เกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรร่วมทุน ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตที่ผู้ถือหุ้นจะพิจารณาต่อไป เช่น การบริหารเงินที่ต้องลงทุนสูงด้านเทคโนโลยีและบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คิดว่าหาพันธมิตรจะคุ้มกว่า"
จากแผนงานดังกล่าว ธนาคารมั่นใจว่าความสามารถในการทำกำไรในปี 2548 จะสูงกว่าปีนี้แน่นอน
โดยปกติรายได้ที่มาจากส่วนต่างดอกเบี้ยคงจะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถในการขยายสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันส่วนต่างดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ที่ระดับ 3% และยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ธนาคารได้ปรับกลยุทธดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจ คาดว่าในปีหน้ารายได้จาก ค่าธรรมเนียมจะเติบโตประมาณ 20%
จากในปีนี้ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 1,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ของรายได้ทั้งหมดของธนาคาร
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีหน้า ธนาคารมีแผนที่จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มสุทธิ 40,000-50,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 20% แยกเป็นสินเชื่อบุคคลประมาณ 7,000 ล้านบาท เพื่อเข้ามาทดแทน AMC Note ที่ครบกำหนดไถ่ถอน จากสินเชื่อคงค้างสิ้นปีประมาณ 210,000 ล้านบาท และเป็น AMC Note ปัจจุบันประมาณ 120,000 ล้านบาท
โดยธนาคารจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าขนาดย่อมให้มากขึ้น ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 25-30% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 12% ส่วนลูกค้าขนาดกลางธนาคารยังคงรักษาสัดส่วนไว้ที่ 30-35% ขณะเดียวกันธนาคารก็จะลดสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ไม่ให้เกิน 40% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 53% โดยภาคธุรกิจที่เน้นได้แก่ ภาคการผลิตและการค้า นอกจากนี้ ยังเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับลูกค้ารายย่อย เช่น Corporate Card บัตรเดบิต สินเชื่อเคหะประเภท Mortgage Link สินเชื่อขนาดย่อย SCIB และสินเชื่อบุคคล พัฒนาและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายต่อเนื่อง
โดยมีแผนเปิดสาขารูปแบบ Kios รวม 15 แห่ง ติดตั้งและปรับเปลี่ยน ATM กว่า 500 เครื่อง ซึ่งจะทำให้ปีหน้าธนาคารมี ATM รวมกว่า 1,200 เครื่อง ตลอดจนติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเสริมบริการให้ลูกค้าได้รับความสะดวกเช่น เครื่อง Update Passbook เครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ รวมทั้งเริ่มให้บริการผ่าน Internet Banking
เปิดกว้างรับผู้ร่วมทุนกลุ่มใหม่
นายอรุณกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนนั้น ขณะนี้ธนาคารได้เปิดกว้างให้กับผู้สนใจทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศที่เข้ามาเจรจาขอเป็นผู้ร่วมทุนกับธนาคาร โดยที่ผ่านมาได้มีสถาบันการเงินหลายแห่งเข้ามาเจรจาหรือขอข้อมูลเพื่อนำไปพิจารณาร่วมทุนกับธนาคาร ซึ่งธนาคารพร้อมที่จะให้ข้อมูล ส่วนการเจรจาขอร่วมทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่ถือหุ้นสัดส่วน 47.5% และมีในส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติเติมเพดานประมาณ 25%
|