|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์ชาติเตรียมฟ้องร้องผู้บริหารและบอร์ดแบงก์กรุงไทยที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อฉาว เผยกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมหลังผลตรวจสอบสินเชื่อทั้ง 12 ราย พบปล่อยกู้หละหลวมแบบปกติและไม่ปกติ เชื่อแบงก์ชาติฟ้อง "วิโรจน์ นวลแข" แน่ ด้านตลาดหุ้นตกรับข่าวร้าย เฉพาะกลุ่มแบงก์ร่วง 2.97%
จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตรวจสอบสินเชื่อธนาคารกรุงไทยจำนวน 12 ราย โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนนั้น นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าฯสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า สามารถแยกสินเชื่อดังกล่าวออกเป็น 2 ส่วน คือ สินเชื่อที่ปล่อยกู้อย่างหละหลวมกับสินเชื่อที่ปล่อยกู้มากกว่าหละหลวม
โดยธปท.ก็จะพิจารณาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว รวมทั้งนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และลูกหนี้ของธนาคารกรุงไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความหละหลวมในการปล่อยสินเชื่อหรือไม่
"แบงก์ชาติต้องดูทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่ว่ากรณีไหนเกี่ยวข้องกับใคร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการขอสินเชื่อที่ทำให้เกิดความหละหลวมนี้จะโยงไปถึงการขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ของบริษัทในเครือของลูกหนี้ของกรุงไทยหรือไม่" นางธาริษากล่าว
ทั้งนี้ ขั้นตอนในการดำเนินการส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นสินเชื่อหละหลวมทั่วไป ธปท.ได้ส่งกลับไปยังคณะกรรมการของธนาคารกรุงไทย เพื่อนำไปพิจารณาถึงสาเหตุที่เกิดความหละหลวมแล้ว ขณะเดียวกันธปท. จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า มีการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ความหละหลวมที่เกิดขึ้นมีทั้งจากความประมาทของผู้ปล่อย และความหละหลวมที่เกิดขึ้นจากจุดอ่อนของระบบในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยจะต้องพิจารณาว่าจะแก้จุดที่ก่อให้เกิดความหละหลวมของการปล่อยสินเชื่ออย่างไร ซึ่งอาจจะต้องปรับเปลี่ยนระบบการปล่อยสินเชื่อให้รัดกุมมากขึ้น
ส่วนที่ 2 คือสินเชื่อที่มากกว่าหละหลวม ธปท. จะหาหลักฐานเพิ่มเติมว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อที่มีการกระทำที่ส่อไปทางทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่ใครหรือไม่ รวมทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย ก็ต้องดำเนินการพิจารณาเพิ่มเติมเช่นกัน และทั้งธปท. เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยจะประสานงานร่วมกัน ต่อจากนั้นคงจะต้องมาพิจารณาร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่จะหาได้ แต่ธปท.ไม่กำหนดเวลาในการค้นหาหลักฐาน โดยทางผู้บริหารของแบงก์กรุงไทยก็อยากรู้ด้วยว่า ขั้นตอนไหนที่ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย ซึ่งผู้บริหารของเขาก็ให้ความร่วมมือที่จะช่วยกันหาความจริงอย่างเต็มที่ แต่จะดำเนินไปได้ถึงขั้นไหนยังไม่สามารถบอกได้ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่หามาได้" นางธาริษากล่าว
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าฯธปท. เปิดเผยว่าผลการตรวจสอบสินเชื่อธนาคารกรุงไทยจำนวน 12 ราย ได้ข้อสรุปแล้วพบว่าเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้ง 12 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากยังไม่ครบ 2 เดือนตามกำหนดหรือต้องรอหลังวันที่ 10 ธ.ค. ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องฟ้องร้องใคร ก็จะดำเนินการวันที่ 10 ธ.ค
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายวิโรจน์เชื่อว่าธปท.จะต้องฟ้องร้องนายวิโรจน์อย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายวิโรจน์ได้ฟ้องร้องธปท.ต่อศาลปกครอง และศาลปกครองรับฟ้องไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกสอบพยาน คาดว่าปัญหาการฟ้องร้องของทั้งสองฝ่ายจะขยายวงออกไปและไม่จบลงง่ายๆ
"คุณวิโรจน์ยังคงมั่นใจในความบริสุทธิ์พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบการทำงานในแบงก์กรุงไทยตลอด 3 ปี และเชื่อว่าถึงที่สุดแล้วสามารถเอาผิดผู้บริหารธปท.ที่ใช้อำนาจมิชอบได้"
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการให้ข่าวของธปท. วานนี้ส่งผลลบต่อตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นลบ 10.42 จุด หรือลดลง 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 16,861 ล้านบาท ปิดที่ 645.41 จุด โดยกลุ่มธนาคารติดลบ 7.04 จุด หรือลดลง 2.97% มูลค่าการซื้อขาย 2,977 ล้านบาท ปิดที่ 230.11 จุด เฉพาะธนาคารกรุงไทย (KTB) ลดลง 0.2 บาท หรือลดลง 2.29% ปิดที่ 8.55 บาท
|
|
|
|
|