|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้น THAI พุ่งสวนตลาดฯ เก็งกำไรราคาน้ำมันเริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน นักวิเคราะห์มองไปได้ไม่ไกล แนะนักลงทุนติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดย เฉพาะหลังการประชุมโอเปกในวันที่ 10 ธ.ค. นี้ คาดมีมติลดกำลังการผลิตปีหน้าลงเพราะอุปทานเริ่มมากเกินไป รวมทั้งการก่อการร้ายในซาอุฯ อาจทำให้ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น โดยในช่วงเช้าของการซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขาย ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 10 อันดับแรก โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 49.50 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 49 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท คิดเป็น 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 333.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น THAI ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน จากราคาปิด 47 บาท เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. มาอยู่ที่ 49 บาทในปัจจุบัน หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.25%
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ราคาหุ้น THAI ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นไม่น่าจะไปได้ไกลนัก เพราะโดยพื้นฐานแล้วบริษัทยังได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาท รวมทั้งราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง
"คิดว่าหุ้นไม่น่าจะผ่านแนวต้าน 50.50 บาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ได้ เพราะที่ผ่านมาขึ้นไปทดสอบมา 2 ครั้งแล้ว แต่ถือว่าเป็นแนวต้านที่แข็งพอสมควร" นายวีระชัยกล่าว
ด้านนายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บล. เอเพ็กซ์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันไนเมกซ์ (วานนี้) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากเกิดการก่อการร้ายในประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่ในช่วงสัปดาห์ก่อนราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมากถึง 7 เหรียญหรือ 14% ภายในระยะเวลา 2 วัน หลังจาก ที่อเมริกาประกาศสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และฤดูหนาวไม่หนาวมากอย่างที่คาดไว้จึงเกิดแรงขาย ทำกำไรน้ำมันออกมา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามและจับตาในเรื่องของอุปทานน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยโอเปกจะมีการประชุมในวันที่ 10 ธ.ค. นี้และมีการคาดการณ์ว่า จะประกาศลดกำลังการผลิตในปีหน้า รวมทั้งเรื่องความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
บทวิเคราะห์ บล.ซีมิโก้ ระบุว่า เชื่อว่าความสามารถในการทำกำไรของ THAI มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอันเป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องมายังการขยายตัวของผลการดำเนินงานปี 48 เรายังคงคำแนะนำซื้อ THAI โดยให้มูลค่าที่เหมาะสมในปีการ เงิน 2548 ที่ 64 บาท (3.5X PCF) นอกจากนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงทำให้อัตราผลตอบแทนเงิน ปันผลของหุ้นนี้ที่ 6-7% มีความน่าสนใจมากขึ้น
เราประเมินว่าราคาเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (สมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent จะลดลงจากค่าเฉลี่ย US$37/bbl ในปี 47 เป็น US$30-31/bbl ในปี 48) รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ THAI ยังคงมีผลการดำเนินงานในปีการเงิน 2548 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า หลังจากที่ THAI ประกาศผลประกอบการออกมาลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการผลประกอบการและราคาที่เหมาะสมปีหน้าลดลงจาก 72 บาท เหลือ 67 บาท จากเดิมที่เราคาดว่าบริษัทน่าจะมีกำไรสุทธิในผลประกอบการปี 2004/05 อยู่ที่ 13,634 ล้านบาท ลดลงเหลือ 11,691 ล้านบาท
จากการปรับประมาณการลดลงเรามองว่าปัจจัยในเรื่องของราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง และเรื่องของค่าเงินบาท ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าในปีหน้าบริษัทน่าจะมีการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำที่ 3 บาท/หุ้น นอกจากนี้ เราปรับประมาณราคาที่เหมาะสมในปีหน้าลดลงจาก 72 บาท เป็น 67 บาท/หุ้น โดยคิดจาก DCF แต่อย่างไรก็ตาม จากการปรับกลยุทธ์ในการบินในปีหน้าเรามองว่าบริษัทยังคงมีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับสูงอยู่ เรายังคงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
ก่อนหน้านี้บริษัท การบินไทย รายงานผลการดำเนินงาน งวด 1 ปี สิ้นสุด 30 กันยายน 47 มีกำไรสุทธิ 10,076.83 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12,079.39 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลง 8.63 บาท เหลือ 6.14 บาทต่อหุ้นหรือลดลง 17% โดยให้เหตุผลว่า เนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ประกาศว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาล ในผลงานการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลัง ของปีงบประมาณ 46/47 สิ้นสุด ก.ย.47 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.48
|
|
|
|
|