BNT ประกาศเพิ่มทุน 930.96 ล้านหุ้น ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมในราคา 0.40 บาทต่อหุ้น หวังนำเงิน 372.38 ล้านบาท จากการเพิ่มทุน ไปลงทุนในธุรกิจตัวใหม่ที่เตรียมเปิดตัวอีก 3 บริษัท ขณะที่ราคาหุ้นดิ่งเหวปิดที่ 0.48 บาท ลดลง 18.64%

ม.ร.ว.รุจยารักษ์ อาภากร กรรมการ บริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BNT) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติ อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 930.96 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 930.96 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 930.96 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 1,861.92 ล้านบาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 930.96 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.40 บาท ซึ่งจะทำให้มีเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 372.38 ล้านบาท หากปรากฏว่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนยังคงเหลือจากการจำหน่ายให้เป็นมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้พิจารณาจำหน่าย ให้แก่บุคคลที่เห็นสมควรในราคาเดียวกัน โดยกำหนดวันชำระเงินค่าหุ้นในวันที่ 12-14 มกราคม 2548

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติให้จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีก 3 บริษัท เพื่อรองรับธุรกิจตัวใหม่ สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่มเพื่อใช้ลงทุนในโครงการสำหรับธุรกิจใหม่ ที่จะถูกเสริมเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุนเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทและทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทดีขึ้น

ส่วนประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นพึงได้รับจากการเพิ่มทุนคือ ทำให้บริษัทมีสถานะการเงินและสภาพคล่องที่ดีขึ้น สามารถลงทุนเพิ่มเติมในโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต ซึ่งทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้

สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2547 จะมีขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 2547 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ห้องจามจุรี เลขที่ 444 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330 และมีมติกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมดังกล่าว เป็นวันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2547 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไปจนกว่าการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจะเสร็จสิ้น

ขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BNT วานนี้ (29 พฤศจิกายน) เปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 0.52 บาท หลังจากนั้นราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ไปต่ำสุดที่ 0.47 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 0.48 บาท ลดลง 0.11 บาท หรือ 18.64% มูลค่าการซื้อขาย 41.25 ล้านบาท