Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2547








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2547
Karl Rove : ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ George W.Bush             
โดย มานิตา เข็มทอง
 





ผ่านไปแล้วกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของชาวอเมริกัน มีทั้งฝ่ายที่ผิดหวังและฝ่ายที่สมหวัง...ในอเมริกา

ทราบกันดีว่า Karl Rove คนเดียวกันกับที่ได้ฉายาว่าอยู่ในกลุ่ม "dirty tricks" ในคดีฉาว Watergate ของ Nixon เมื่อ 30 กว่าปีก่อน และเป็นคนเดียวกันกับ ...กุนซือที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งทั้งสองสมัยของประธานาธิบดี George W. Bush

ถ้าเปรียบ George W. Bush เป็นสินค้า Rove ก็คือนักการตลาดมือหนึ่งที่พยายามหากลยุทธ์ในการขายสินค้าตัวนี้ให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย ปรัชญาในการพิชิตความสำเร็จของ Rove คือ "win-at-any-cost" และ "use the counterpunch rather than the punch"

Karl Rove ลืมตาดูโลก (ที่ตอนนี้อยู่ในกำมือของเขา) เมื่อ 54 ปีก่อนในวันคริสต์มาส ณ เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ไม่มีปริญญา ไม่มีดีกรี เติบโตในครอบครัวที่ไม่สู้จะอบอุ่นนัก ต่อสู้ ดิ้นรน ด้วยตัวเอง... เป็นคนเดียวกับที่ประธานาธิบดี Bush เรียกว่า "Boy Genius" หรือเด็กอัจฉริยะ... รอบนี้เขาฉลองวันเกิดด้วยความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ George W. Bush ได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สอง

ขณะที่เขากำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ University of Utah เขาหลบเลี่ยงการถูกส่งไปรบในสงครามเวียดนาม และเรียนไม่จบ แต่ออกมาเป็น Executive Director ให้แก่ College Republican National committee ในช่วงปี ค.ศ.1970-1972 และเลื่อนเป็น Chairman ในปี ค.ศ.1973-74 และในช่วงนั้นเองที่มีข่าวฉาวเกี่ยวกับคดี Watergate ซึ่ง George Bush Senior ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ได้ช่วยให้เขาพ้นจากข้อกล่าวหานั้น แต่ความเป็น "dirty tricks" ติดตัวเขามาตลอด... มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เขายอมรับว่าทำไปจริงๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์คือ ตอนนั้นเขาอายุเพียง 19 ปี และเป็นช่วงการหาเสียงสำหรับตำแหน่ง State Treasurer ใน Illinois เขาสวมวิญญาณนักย่องเบา แอบเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของ Alan Dixon ผู้ลงเลือกตั้งฝ่ายเดโมแครต และขโมยเอากระดาษหัวจดหมาย และนำมาพิมพ์การ์ดเชิญร่วมงาน การเปิดตัว Dixon โดยมีข้อความว่า "free beer, free food, girls and a good time for nothing." สร้างความเสียหน้าให้แก่ Dixon แต่เขาก็ยังชนะอยู่ดี

Rove ค่อยไต่เต้ามาทีละคืบ สองคืบ ทำงานเป็นกุนซือที่ปรึกษาในการหาเสียงให้กับคนในพรรค ในปี ค.ศ.1980 Bush Senior จ้างให้เขาเป็นผู้นำการหาเสียงให้เขาแข่งกับ Ronald Regan แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นเขาก่อตั้งบริษัท Karl Rove & Company รับปรึกษาทางด้านธุรกิจการเมือง... ลูกค้ารายสำคัญของเขาคือ George W. Bush ในช่วงการหาเสียงเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ในปี ค.ศ.1994 และการหาเสียงในตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ค.ศ.2000 และ 2004... เขาเป็นคนที่ทำให้ Bush... ลูกชายไม่เอาถ่านของ Bush Senior ที่เอาแต่กินเหล้าเมายา ฝ่ายตรงข้ามถึงกับให้ฉายาว่า "นักการเมืองชั้นเลว" กลายมาเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัส และกลายเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของอเมริกา ผู้มีอำนาจในการกำหนดชะตาอนาคตของโลก!!!

Amazing!! ทำได้อย่างไร เป็นคำถามที่หลายฝ่าย ซึ่งรวมทั้งชาวอเมริกันฝ่ายตรงข้าม Bush และสื่อมวลชนทั่วโลกกังขาและพร้อมใจกันตั้งคำถามเดียวกันและพยายามวิเคราะห์หาคำตอบ... หากพิจารณายุทธวิธีที่ Rove ใช้ ก็เหมือนกับนักการตลาดทั่วๆ ไป ที่ใช้ยุทธวิธีในการโฆษณาชวนเชื่อ และพยายามล้างสมองชาวอเมริกันให้ได้มากที่สุด และเขารู้ดีว่าประชากรส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน และจุดอ่อนของคริสเตียนคือ Guilt หรือความรู้สึกผิด เขาก็บริหาร Guilt ของชาวอเมริกัน โดยมี Church เข้ามาเป็นตัวช่วยหลักและเน้นย้ำที่คำเพียงไม่กี่คำ. ..เริ่มตั้งแต่ประเด็นการแต่งงาน ของคู่เกย์หรือเลสเบี้ยน ซึ่งถือเป็นเรื่อง NO NO ในกลุ่มคริสเตียนอนุรักษนิยม ประเด็น Embryonic Stem Cell Research ไม่สนใจที่มาที่ไป รายละเอียดของงานวิจัย จู่โจมด้านเดียวที่การวิจัยประเภทนี้นำมาซึ่งการฆ่าตัวอ่อนมนุษย์ และโยงไปเกี่ยวพันกับกรณีทำแท้งด้วย...แค่นี้ก็ชนะไปล่วงหน้าแล้ว...ผู้เขียนมีโอกาสคุยกับผู้ออกเสียงฝ่ายรีพับลิกันหลายคน ล้วนออกมาเป็น เสียงเดียวกันว่า เขาไม่เปลี่ยนใจโหวตให้ John Kerry เพราะ Kerry จะฆ่าทารก Kerry สนับสนุนการทำแท้ง Kerry สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน...อีก Tactic หนึ่งที่ Rove นำมาใช้ คือ "Fear" การบริหารความกลัว มั่นใจว่า ประชาชนอยู่ในภาวะหวาดระแวงต่อความปลอดภัยของชีวิตและลูกหลาน และประเทศชาติอยู่ในภาวะสงคราม ดังนั้น จึงไม่ควรเปลี่ยนผู้นำ เพราะจะทำให้ไม่เกิดความต่อเนื่อง และจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ เขายังใช้ยุทธวิธีปล่อยหมัดกลับ เพียงแค่คำว่า "flip-flop" ในกรณีของการโหวตเพื่อสงครามอิรักของ Kerry เท่านี้ Kerry ก็หมดท่าแล้ว

Rove กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของ Bob Woodward ในหนังสือ Plan of Attack ว่า เขาโล่งใจที่พรรคเดโมแครตเลือก John Kerry มาเป็นแคนดิเดต เพราะทำให้เขาสามารถใช้อิรักเป็นแกนในการหาเสียงได้ เพราะ John Kerry อย่างไรก็ไม่กล้าโจมตีกรณีสงครามกับอิรักได้ เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่โหวตให้ และ Rove ยังกล่าวอีกว่า หากเดโมแครตเลือก Howard Dean เขาจะต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะเขาไม่สามารถใช้กรณีอิรักให้เป็นต่อได้ เนื่องจาก Dean โหวตต้านการบุกอิรัก ซึ่งจะทำให้การหาเสียงของรีพับลิกันอ่อนลง และเดโมแครตมีความหวังมากขึ้น... งานนี้อดคิดไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วเดโมแครตอาจจะไม่อยากชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นไปได้...

อย่างไรก็ดี Karl Rove ทำงานช้างสำเร็จไปอีกหนึ่งงาน... นอกจากนั้น เขายังมีบทบาทและอำนาจมากที่สุดใน White House อีกด้วย!...   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us