|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2547
|
|
Casa de Retiro Espiritual สถาปัตยกรรมสูงตระหง่านที่ตั้งเด่นอยู่กลางเนินเขานอกเมือง Seville ประเทศสเปนนี้ เป็นผลงานชิ้นโบแดงของสถาปนิก Emilio Ambasz ที่นิตยสาร Wallpaper ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ตีพิมพ์ภาพชุดสุดพิเศษเป็นครั้งแรก
ภาพ : Jonathan de Villiers
เรื่อง : Albert Hill
Casa de Retiro Espiritual เป็นบ้านที่เด่นสง่าและแปลกตาเป็นพิเศษ เพราะแม้จะอยู่นอกเมือง Seville ออกไปถึงครึ่งชั่วโมง ผู้มาเยือนก็ยังมองเห็นกำแพงมหึมาสีขาวสะอาดตาวางตัวโดดเด่นเหนือภูมิประเทศของแคว้น Andalusia ได้อย่างชัดเจน น่าฉงนตรงที่ได้เห็นเฉพาะตัวกำแพงแต่ไร้ร่องรอยของตัวบ้านโดยสิ้นเชิง ต่อเมื่อเข้าไปใกล้แล้วนั่นแหละจึงพบว่า บ้านฝังตัวอยู่ใต้ดินในลักษณะที่ความเก่าแก่แบบโบราณสามารถผสมผสานกับความทันสมัยแห่งอนาคตกาลได้อย่างลงตัว
ตัวบ้านที่สถาปนิก Emilio Ambasz ออกแบบให้อยู่ตรงกลางและล้อมรอบลานบ้านที่เล่นระดับให้ส่วนพื้นอยู่ต่ำกว่านั้น สามารถจัดให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ด้านสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 20 เลยก็ว่าได้ เพราะผนังด้านหน้ากรุด้วยกระจกต่อกันจนเต็มพื้นที่และเน้นความวิจิตรของโครงสร้างด้านหน้าเป็นพิเศษ (โปรดดูภาพประกอบ)
แม้ว่า Ambasz จะออกแบบ Casa de Retiro Espiritual ให้ลูกค้ามาตั้งแต่ปี 1975 แต่โลกกลับรู้จักบ้านทรงประหลาดนี้แบบเล่ากันปากต่อปากเท่านั้น มีเพียงไม่กี่คนที่โชคดีได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงสถานที่ตั้ง จึงคาดเดาเอาว่า นี่เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยก็เป็นได้ จวบจนกระทั่งปีนี้เจ้าของจึงอนุญาตให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ภาพชุดและเปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือนเป็นครั้งแรก
ตัว Ambasz เองยอมรับว่า รู้สึกสับสนกับปรากฏการณ์ที่บรรดาสถาปนิกและนักศึกษาพากันเฮโลดาหน้าเข้าเยี่ยมชมบ้านฝีมือออกแบบของเขา "การเปิดบ้านให้คนได้เข้าชมเพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งสำคัญมาก" ขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับว่ารู้สึก "ใจหาย" ไม่น้อยที่เห็นคนแปลกหน้ามากมายวนเวียนเข้ามาเหยียบขึ้นเหยียบลงไม่ขาดสาย
เมื่อได้สัมผัสตัวบ้านด้วยตัวเอง รวมทั้งได้เห็นทำเลที่ตั้งที่มองเห็นทะเลสาบเบื้องล่างอันสวยงามก็เข้าใจได้ทันทีว่า สถาปนิกออกแบบบ้านหลังนี้ขณะอยู่ในภาวะผ่อนคลายเต็มที่ เห็นได้จากรายละเอียดอันน่าอัศจรรย์ใจคือ ตรงส่วนบนของกำแพงสีขาวบริสุทธิ์มีหน้ามุขสร้างด้วยมือประดับอยู่ Ambasz อธิบายว่า "ประกอบขึ้นจากบล็อกไม้เล็กๆ 3,000 ชิ้นด้วยกัน"
ส่วนบันไดนำขึ้นไปยังหน้ามุขนั้นเล่า มีราวบันไดที่ใช้วิธีเซาะผนังเป็นร่องแบบลูกคลื่น ซึ่งใช้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นทางน้ำไหลลงมาสู่สระน้ำ ตรงเชิงบันไดเบื้องล่าง เมื่อก้าวเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดความรู้สึกว่า เสียงน้ำไหลทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อก้าวเท้าเข้าไปยังตัวหน้ามุข ก็เป็นจังหวะที่คุณได้ทิ้งเสียงน้ำไหลไว้เบื้องหลังโดยสิ้นเชิง เพราะมีแต่ความเงียบให้ได้สัมผัสเท่านั้น "ในเชิงสถาปัตยกรรมถือว่าเสียงมีคุณค่าด้อยมานานแล้ว" Ambasz ย้ำหลักออกแบบ
สำหรับ Ambasz แล้ว สถาปนิกมีบทบาท "ในการปรับให้ความสวยงามเชิงศิลปะสามารถรับใช้ความจำเป็นในการใช้งานทางปฏิบัติได้" รวมทั้งเพิ่มเติมว่า อาคารที่สร้างขึ้นมาจะได้รับยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมก็ต่อเมื่อมัน "กินใจ" เท่านั้น
แน่นอนว่ากรณีของ Casa de Retiro Espiritual สามารถทำให้ผู้มาเยือนตกตะลึงพูดไม่ออกเอาเลยทีเดียว เพราะเป็นผลงานที่มีคุณค่าเชิงสถาปัตยกรรมสูง หาใช่งานที่มาจากความคิดฝันเพียวๆ จะเห็นว่ากำแพงสีขาวขนาดมหึมาไม่ได้มีไว้เพื่อให้แลดูสวยงามเพียงอย่างเดียว หากช่วยให้ร่มเงาแก่ตัวบ้านและบังลมเหนือที่พัดกระโชกอยู่ตลอดเวลา ส่วนผืนดินที่ปกคลุมตัวบ้าน ก็หาใช่จินตนาการตามอำเภอใจ แต่เป็นเทคนิคที่สืบทอดมาแต่บรรพกาลและมีประสิทธิภาพสูงในอันที่จะทำให้บ้านเย็นสบายในช่วงฤดูร้อนอันอบอ้าวของสเปน
Ambasz เป็นคนเคลือบแคลงในแนวความคิดแบบว่าตามกันเป็นแฟชั่นและความคลั่งไคล้รูปแบบต่างๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงมีทัศนคติต่อทฤษฎีสถาปัตยกรรมในลักษณะเดียวกันด้วย ตัวเขาเองยึดมั่นใน intuitive architecture ที่เขาให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า "ผมต้องตกผลึกทางความคิดให้ได้ เมื่อถึงจุดนั้น แล้วก็ต้องกล้าที่จะกระโดด แม้ต้องกระโดดท่ามกลางความอ้างว้างโดดเดี่ยวและน่าสะพรึงกลัวก็ตาม"
เพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้ Ambasz กลายเป็นบุคคลที่วงการยกย่องและยอมรับ เขาก้าวมาไกลจนสามารถทำให้พวกที่ตั้งแง่และมีอคติต่อตัวเขาต้องหน้าแตกกระเจิงไปตามๆ กัน
Ambasz ถือกำเนิดที่ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี 1943 มีผลงานออกแบบอาคารครั้งแรกที่ Buenos Aires ขณะอายุเพียง 15 อีก 5 ปีต่อมาก็ย้ายไปอยู่นิวยอร์กและเรียนที่ Princeton จนจบ หลังจากนั้นจึงมีโอกาสทำให้โลกได้รู้จักแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบอาคารอันเป็นแบบฉบับของตัวเขาเอง และยังยืนยันหนักแน่นว่า การออกแบบภูมิสถาปัตย์ (landscape design) เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม
Ambasz มีงานเขียนของตัวเองล่วงหน้าเป็นเวลาหลายปีก่อนที่วงการจะพูดถึงแนวคิดเกี่ยวกับ eco-architecture ว่า "การที่ชาวกรีกมีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างมนุษย์ว่า แตกต่างและแยกออกจากธรรมชาติโดยสิ้นเชิง เป็นผลให้ประเทศนี้หมดความสำคัญในเชิงภูมิปัญญาและจริยธรรมไป"
ณ เวลานี้เขาจึงต้องการสร้างผลงานเพื่อเผยแพร่ความคิดของตัวเองออกไป จึงเป็นที่มาของงานออกแบบ Casa de Retiro Espiritual ที่เขาต้องการประกาศให้พวกที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้ทรงอิทธิพล" ในวงการสถาปัตยกรรมได้รับรู้ด้วยการออกแบบตัวบ้านที่ถือว่าเป็นการตรวจสอบความขลังของสถาปัตยกรรมอีกครั้งหนึ่ง (re-examined architecture) นั่นคือ มีเพียงเนินดินและส่วนหน้าของตัวอาคารเท่านั้นที่ปรากฏแก่สายตาของผู้มาเยือน เป็นการ "สวมหน้ากากให้แก่งานสถาปัตยกรรม" เราดีๆ นี่เอง
จึงไม่น่าแปลกที่วิธีการประกาศตัวแบบคนหัวรุนแรงอย่างนี้จะทำให้คนในวงการสถาปัตยกรรมประหลาดใจไปตามๆ กัน มีสถาปนิกเพียงไม่กี่คนที่ชื่นชมยกย่องเขา อาทิ Tadao Ando, Mario Botta และ Alessandro Mendini แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แรงสนับสนุนก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้นจนในที่สุด Ambasz ได้รับรางวัลมากมายและมีงานวิ่งเข้าชนสำนักงานในนิวยอร์กแบบถล่มทลาย
เป็นที่น่าสังเกตว่า ลูกค้าชาวญี่ปุ่นสามารถจับจุดความชำนาญของ Ambasz แล้วนำมาผสมผสานกับความสดในตลาดงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น (green and grey approach) เพื่อให้เขาผลักดันผลงานออกมาจนทำให้วงการตกตะลึงได้อีก เห็นได้จากผลงานออกแบบห้างสรรพสินค้าบนเกาะฮอกไกโดให้ Nichii Obihiro เขาออกแบบให้บริเวณลานชอปปิ้งรายล้อมด้วยบรรยากาศธรรมชาติของพันธุ์ไม้ยืนต้นและล้มลุก รวมทั้งความเย็นฉ่ำของน้ำตก
ส่วนที่ฟูคูโอกะ เขาต้องต่อสู้กับความคิดคับแคบที่ว่า เมืองใหญ่มีไว้สร้างตึกและชานเมืองมีไว้สร้างสวนสาธารณะเท่านั้น โดย Ambasz ออกแบบ Fukuoka Prefecture International Hall (1990) ที่มีทั้งตัวอาคารและอุทยานอยู่ด้วยกัน ด้วยการตกแต่งส่วนหน้าของตัวอาคารด้วยเทอร์เรซที่ออกแบบเป็นสวนหย่อม ซึ่งนอกจากจะตอกย้ำชื่อเสียงในเชิงสถาปัตยกรรมของ Ambasz ให้กระฉ่อนในหมู่สถาปนิกด้วยกันแล้ว ยังทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในหมู่ศิลปิน นักออกแบบสวน และนักวางผังเมืองด้วย
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมแล้ว Ambasz ยังมีความทะเยอทะยานและช่ำชองในด้านอื่นด้วย เขาบรรยายที่ Princeton ในสหรัฐอเมริกาและ Hochschule fur Gestaltung ในเยอรมนี เป็นผู้ดูแลงานออกแบบของ MoMA ในนิวยอร์ก เป็นนักออกแบบอุตสาหกรรมฝีมือฉมังจากการได้รับรางวัล Compasso D'Oro ถึง 3 ครั้ง
Mario Bellini ผู้อยู่ในแวดวงเดียวกันเคยพูดไว้ว่า "มันน่าตื่นเต้นและสะดุ้งใจไม่น้อยถ้าได้รู้ว่า Emilio Ambasz กำลังรับงานออกแบบอยู่ ณ มุมไหนของโลก หรือได้รู้ว่าเขากำลังตกผลึกทางความคิดที่อาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในงานออกแบบได้อีก"
ความคิดเห็นเชิงยอมรับความสามารถของ Ambasz อย่างเต็มหัวใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาประสบความสำเร็จในการออกแบบเก้าอี้ "Vertebra" ในปี 1976 ซึ่งถือว่าเป็นเก้าอี้สำนักงานแบบ ergonomics แบบแรกที่ Ambasz เป็นผู้บุกเบิก
สถาปนิกอาร์เจนตินาจึงอธิบายวิธีการของตัวเองว่า "ผมชอบสร้างสรรค์งานต้นแบบ (prototypes) และคิดว่าดีมากเมื่อมันกลายเป็นแบบอย่าง (types) แต่ไม่ชอบเอาเลยเมื่อมันกลายเป็นแบบพิมพ์ (stereotypes) ที่คนทำตามๆ กันจนเกร่อ
สำหรับ Ambasz แล้วเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และยกตัวอย่างเรื่องเข็มเย็บผ้าว่า โดยตัวของมันเองก็มีความชัดเจนอยู่แล้วในฐานะของวัตถุชิ้นหนึ่ง "แต่ที่ผมต้องการออกแบบคือ เครื่องปั่นด้ายที่อาบเส้นด้ายด้วยน้ำยาเหลวแล้วทำให้เส้นด้ายแข็งตัวขึ้นมาทันที ทำให้สามารถนำเส้นด้ายนั้นมาใช้ประโยชน์แบบเข็มได้"
จากปรัชญาการพยายามปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นอย่างเอาจริงเอาจังนี่เอง ทำให้ Ambasz สามารถบรรลุความสำเร็จในโครงการต่างๆ มากมาย นับตั้งแต่การออกแบบปากกาเหน็บกระเป๋าไปจนถึงการวางผังเมือง แต่โครงการ Casa de Retiro Espiritual นั้นต้องถือว่าเป็นสุดยอดซึ่งตัวเขาเองก็ยอมรับว่า เป็นงาน "สำคัญที่สุดโครงการหนึ่ง" ที่เขาเคยทำมา แถมยัง "อยู่นอกเหนือความคาดหมายและคาดหวังของทุกคน และยังยืนยงคงอยู่มาจนทุกวันนี้"
ผู้ต้องการเข้าเยี่ยมชม Casa de Retiro Espiritual โปรดเขียนจดหมายแจ้งความจำนงไปที่ : DEHESA RODA SL, Calle Balbino Marron 3, Portal A, Oficina 2-2, Edificio Viapol, 41018 Seville, Spain
(จากบทความเรื่อง "Off the wall" นิตยสาร Wallpaper/October 2004)
|
|
|
|
|