|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2547
|
|
ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ เปิดตัวโครงการ "แอทธินี เรซิเด้นท์" พร้อมวางแผนเปิด 5 โครงการใหญ่จับลูกค้าระดับสูง ในปี 2548 ที.ซี.ซี.แลนด์ของเจริญ สิริวัฒนภักดี กับบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ แคปปิตอลแลนด์จากประเทศสิงคโปร์ ได้แถลงข่าวการร่วมทุนครั้งแรกไปเมื่อเดือนกันยายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียนครั้งแรก 2,000 ล้านบาท ที.ซี.ซี.แลนด์ ถือหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ และแคปปิตอลแลนด์ถือหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์
การทำธุรกิจของ ที.ซี.ซี.แลนด์ มีทิศทางชัดเจน คือเข้าไปซื้อหรือเทกโอเวอร์โครงการมาดำเนินกิจการต่อ เช่น โรงแรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สนามกอล์ฟ ศูนย์การค้า รวมทั้งที่ดินเปล่าบางแปลง ส่วนการนำที่ดินเก่ามาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจะเป็นบทบาทของ ที.ซี.ซี. แคปปิตอลแลนด์
เงียบหายไปเตรียมการ ทั้งเรื่องระบบ บุคลากร และมืออาชีพที่ดึงเข้ามาร่วมทีมนานกว่า 1 ปี ในที่สุดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา การเปิดตัวโครงการแรก "แอทธินี เรซิเด้นท์" อย่างเป็นทางการก็เกิดขึ้น ในพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ หลังโรงแรมพลาซ่า แอทธินี เป็นคอนโดสูง 40 ชั้น จำนวน 219 ยูนิต พื้นที่ขายทั้งหมด 40,200 ตารางเมตร ราคาขายโดยเฉลี่ยประมาณ 1 แสนบาทต่อตารางเมตร ขนาดเล็กสุด 2 ห้องนอน 94 ตร.ม. ส่วนใหญ่จะมีขนาด 3 ห้องนอน 200 กว่าตร.ม. มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท
จุดขายของโครงการนี้นอกจากทำเลดีใจกลางเมืองแล้ว สิ่งที่ผู้บริหารกล่าวย้ำตลอดเวลาก็คือ เป็นโครงการที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง เพราะต้องการให้จุดนี้คือตัวเบิกทาง สร้างความเชื่อมั่นในการก้าวไปทำโครงการต่อไปในอนาคต ซึ่งกำหนด positioning ของบริษัทไว้ชัดเจน โดยโฟกัสเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบน ในราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร
และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไม ที.ซี.ซี.แลนด์ จึงเลือกแคปปิตอลแลนด์เข้ามาเป็นพันธมิตร เพราะนอกจากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่ดินมาแล้วทั่วโลก ผู้ถือหุ้นใหญ่ของแคปปิตอลแลนด์ยังเป็นรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือในการบริหารงานที่มีระบบและความโปร่งใส
ที่สำคัญหากจะก้าวเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านการพัฒนาที่ดินในเร็ววัน ไม่ใช่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่ผ่านมา ที.ซี.ซี.แลนด์ จำเป็นต้องใช้วิธีเรียนลัด
"ระบบของแคปปิตอลแลนด์มีมานานมาก เราได้เอามาใช้เลย เป็นวิธีการเรียนลัดที่ได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมโครงการ ระบบการบริหารการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยได้อย่างมาก ในเรื่องการบริหารต้นทุน การควบคุมการทำงานด้วยระบบไอที ทุกอย่างเขามีไว้หมด เราเพียงดาวน์โหลดเอามาต่อยอดใช้ได้ รวมไปถึงการทำการตลาด ประสบการณ์ และจุดบกพร่องต่างๆ ของการขายโครงการในต่างประเทศ คือสิ่งที่เอามาปิดช่องว่าง ในโครงการของเรา นอกเหนือจากการควบคุมคุณภาพโครงการที่เคยเป็นจุดแข็งของบริษัทนี้ตลอดมา"
คอนเนกชั่นในการทำธุรกิจ ความแข็งแกร่งของพาร์ตเนอร์ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง คือข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องการขาย รวมทั้งการทำตลาดกับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย และชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในสถานทูตต่างๆ ย่านถนนวิทยุ เพลินจิต
วัลลภา ไตรโสรัส อธิบายเพิ่มเติมและกล่าวต่อว่า
"แคปปิตอลแลนด์อาจจะมือใหม่ในเมืองไทยที่มีค่ายใหญ่อื่นๆ อย่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือกลุ่มอื่นๆ เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว แต่เราต้องสร้างบทบาทตรงนี้ขึ้นมาให้ได้ โดยใช้คุณภาพของโปรดักส์เป็นตัวบุก และคาดว่าจะใช้เวลา 3-5 ปี ขึ้นมาติดอันดับให้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของตลาดด้วย"
สำหรับโครงการที่วางแผนไว้ในปีต่อไปคือบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ย่านถนนเกษตร-นวมินทร์ บนที่ดิน 300 ไร่ ที่เคยเตรียมไว้ทำโปรเจกต์ศูนย์ประชุม ซึ่งจะนำมาทำเป็นบ้านเดี่ยวเพียง 70 ไร่ก่อน พร้อมๆ กับแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านถนนพหลโยธิน
สำหรับแนวทางพัฒนาที่ดินของที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ จะเป็นคอนโดมิเนียม 60% บ้านเดี่ยว 30% และอาคารสำนักงานอีก 10%
"แอทธินี เรซิเด้นท์" จึงป็นบทพิสูจน์ฝีมือบทแรกของวัลลภาและทีมงานของ ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์
|
|
|
|
|