Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2533
รางวัลเกียรติยศไทยพาณิชย์             
 

   
related stories

สยามโกลบอลแอคเซสเปลี่ยนมือ

   
search resources

ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
Banking




พนักงานถือเป็นหัวใจของการแพ้ชนะในการแข่งขันด้านธุรกิจ จึงกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติขององค์กรใหญ่ๆ ที่สิ้นปีมาในแต่ละปีจะมีการให้รางวัลพนักงานที่ทำงานดีเด่นในรอบปีนั้นๆ ถ้าเป็นพนักงานขายก็วัดคะแนนกันง่าย เพราะตัวเลขยอดขายมันฟ้อง แต่ถ้าเป็นงานประเภทอื่นก็วัดกันยากหน่อย ขณะนี้ก็ยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานแน่นอนในการวัดคะแนน ที่จะเข้ากับธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ฉะนั้นบางองค์กรความยุติธรรมในการให้คะแนนจะมีมากน้อยแค่ไหน จึงขึ้นอยู่กับความจริงใจของเถ้าแก่หรือลูกชายเถ้าแก่ของบริษัทนั้นๆ

สำหรับวงการธนาคารพาณิชย์ไทยก็มักคิดจากยอดเงินฝากกับสินเชื่อของแต่ละสาขา ซึ่งเป็นการวัดจากทัศนะการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเชิงปริมาณ ธนาคารไทยพาณิชย์มีวิธีการให้คะแนนที่แยกลงไปในรายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็ออกจะแปลกกว่าธนาคารอื่นๆ แต่ก็ยังคงเน้นไปที่การวัดความสำเร็จเชิงปริมาณ

ขณะที่ธนาคารต่างประเทศจะวัดความสำเร็จของผลงานสาขา ที่ความสามารถในการทำกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ผ่านการถ่วงน้ำหนักแล้วเป็นเกณฑ์ ที่เขาวัดแบบนี้ก็เพราะว่าการทำธุรกิจธนาคารหัวใจสำคัญอยู่ที่ การบริหารสินทรัพย์ที่เป็นแหล่งที่มาของรายได้ และกำไรสูงสุดของรายได้จากสินทรัพย์คือ เครื่องมือวัดประสิทธิภาพของการบริหารมากกว่าส่วนแบ่งตลาด

เมื่อทัศนะการวัดผลต่างกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ธนาคารพาณิชย์ไทยจะมีผลงานในการทำกำไรเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ฯ ต่ำมาก ไม่ถึง 1%

แต่กระนั้นก็ตามการจัดงานมอบรางวัลให้พนักงานสาขา ที่มีผลงานดีของธนาคารพาณิชย์ไทยก็มีประโยชน์ อย่างน้อยทางจิตวิทยา

ธนาคารไทยพาณิชย์เรียกรางวัลที่เขาสร้างขึ้นมานี้ว่า "รางวัลรณรงค์" โดยกำหนดโครงสร้างระบบการให้รางวัล 3 ระดับ คือรางวัลสัมฤทธิผล (Achievement Award) ซึ่งเป็นรางวัลความสำเร็จในระดับบริการ, รางวัลเกียรติคุณ (Excellence Award) เป็นรางวัลดีเด่นในระดับกลุ่ม และระดับดุษฎีรางวัล (Corporate Award) เป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของทั้งธนาคาร

ในแต่ละปีธนาคารจะจัดให้มีการรณรงค์บริการ 2 ครั้ง คือครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลัง ในแต่ละครั้งจะกำหนดว่าจะมีบริการอะไรบ้างเป็นบริการที่จะต้องรณรงค์ เช่นในปี 2531 ครั้งที่ 1 มีบริการที่รณรงค์ 4 บริการคือ บริการบัตรเครดิตไทยพาณิชย์โพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง, บริการเงินฝากออมทรัพย์ร่มโพธิ์, บริการ info-banking และบริการสินเชื่อเพื่อการเคหะ

ช่วงครึ่งปีหลังมีบริการรณรงค์ 6 บริการคือ บริการบัตรเครดิตไทยพาณิชย์โพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง, บริการเงินฝากออมทรัพย์ร่มโพธิ์, บริการคุ้มครองอุบัติเหตุแบบพิเศษ, บริการ Super ATM บริการซื้อเงินตราต่างประเทศ และบริการขายเงินตราต่างประเทศ

ในปี 2532 ในช่วงครึ่งปีแรกมี 3 บริการคือ บริการเคหบริการ, บริการคุ้มครองอุบัติเหตุแบบพิเศษ และบริการบัตรเครดิตไทยพาณิชย์โพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง ในครึ่งปีหลังมี 2 บริการคือ เคหบริการ และบริการเงินฝากออมทรัพย์ร่มโพธิ์

ในการจัดการแข่งขันแต่ละปีจะอยู่ภายใต้การกำหนดและติดตามของ คณะอนุกรรมการพิจารณาแผนและผลการดำเนินรณรงค์ธุรกิจ ที่แต่งตั้งขึ้นในแต่ละปี อย่างกรณีปี 2531 กับ 2532 ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการ 11 คน โดยมีบรรณวิทย์ บุญญรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจธนาคารส่วนบุคคลเป็นประธาน และกรรมการที่มาจากผู้จัดการฝ่ายต่างๆ อีกที่เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย

เพื่อให้การติดตามงานเป็นไปด้วยความใกล้ชิดได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานทางด้านการติดตามตัวเลข และรายงานผลงานเพื่อทำการประเมินผลต่อไป

"ก่อนจะมีการประเมินผล เราจะต้องมีการวางเป้าหมายในการรณรงค์ของแต่ละบริการเสียก่อน แต่การวางเป้าหมายนี้จะต้องเป็นเป้าหมายที่ให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย เราจึงได้แบ่งสาขาและหน่วยงานออกเป็นกลุ่มที่จะแข่งขันออกเป็นหลายๆ กลุ่ม โดยพิจารณาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ เช่น กลุ่มในเขตกรุงเทพฯ กลุ่มสาขาต่างจังหวัด กลุ่มสาขาอำเภอเมือง สาขาอำเภอรอบนอก และกลุ่มพนักงานในสำนักงานใหญ่ ในหน่วยงานที่ไม่มีโอกาสสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง เพื่อให้เกิดความทัดเทียมกันในการแข่งขัน ลำดับต่อมาก็จะพิจารณาแยกตามภาวะทางเศรษฐกิจของท้องถิ่น เช่น สาขาในเขตอำเภอเมืองบางจังหวัดอาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มสาขาอำเภอรอบนอก หรือสาขาอำเภอรอบนอกบางอำเภอ เช่น หาดใหญ่ ก็อาจถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสาขาอำเภอเมือง ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในความเป็นไปได้ของการรณรงค์แต่ละบริการที่กำหนดขึ้น จะได้ไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันขึ้น" บรรณวิทย์ บุญญรัตน์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนและผลการรณรงค์ธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ด้านบริการที่จะจัดเข้ามาเป็นบริการที่จะต้องรณรงค์แข่งขัน อยู่ที่เป้าหมายของธนาคารในแต่ละช่วงเวลาว่าจะบูมบริการอะไร แต่ทั้งนี้จะมีความสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธนาคารอย่างเห็นได้ชัด เช่น ในปี 2531 และ 2532 นั้นจะเห็นว่า บริการบัตรเครดิตโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง เป็นบริการที่มีการรณรงค์ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ที่กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่ากลุ่มคนชั้นกลางในสังคมไทยนับวันจะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนจะมีการเติบโตในอัตราที่สูงในช่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมา และธนาคารไทยพาณิชย์เองก็ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มาก เพราะนอกจากฐานลูกค้าจะกว้างแล้วยังมีการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย

ธารินทร์บอกว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงไม่มากนัก ธนาคารใดเข้าถึงก่อนก็จะได้เปรียบกว่าธนาคารที่เข้าถึงทีหลัง และแบงก์ที่จะเข้าถึงบริการธนาคารส่วนบุคคลที่กล่าวนี้ ก็จะต้องมีความพร้อมในระบบการให้บริการสูงมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากรที่มีชีวิตจิตใจ และระบบเครื่องคอมพิวเตอร์แบงกิ้ง ที่เข้ามาช่วยให้งานเกิดความรวดเร็วและผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งมันก็คือจุดเด่นของไทยพาณิชย์ที่ได้วางรากฐานนี้มาก่อนใครอื่น

จะสังเกตเห็นว่าบริการที่ถูกกำหนดให้เป็นบริการที่จะต้องรณรงค์ลำดับรองๆ ลงมาก็อยู่ในกลุ่มบริการธนาคารส่วนบุคคลเกือบทั้งหมด ไม่วาจะเป็นบริการเงินฝากออมทรัพย์ร่มโพธิ์, บริการคุ้มครองอุบัติเหตุแบบพิเศษ หรือบริการเคหบริการ

"ในแต่ละบริการก็จะมีเป้าหมายแตกต่างกันออกไปตามสภาพของแต่ละกลุ่ม เพราะบริการที่จัดให้มีการรณรงค์แต่ละอย่างจะมีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไม่เท่าเทียมกัน เป้าหมายที่สำคัญเราต้องการให้ทำงานกันเป็นทีม และคนของเราต้องทำได้หลายๆ อย่างไม่ใช่มุ่งแต่จะเอาดีบริการเดียว และทำอยู่คนเดียว คะแนนของแต่ละบริการจะออกมาเป็นตัวเลขสูงสุดของกลุ่มจึงจะได้รับรางวัลระดับแรกคือ สัมฤทธิผล" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายลูกค้าธนาคารส่วนบุคคลกล่าว

เป้าหมายแต่ละบริการตั้งไว้เป็นตัวเลข แต่ผลลัพธ์ของตัวเลขอาจไม่ใช่ตัวชี้ขาดถึงความดีเด่นในการทำงานตัวอย่าง เช่น จำนวนสมาชิกผู้ถือบัตรและสมาชิกร้านค้าบัตรเครดิตตั้งไว้สำหรับหน่วยงานหรือสาขา ที่อยู่ในกลุ่มแข่งขันในเขตกรุงเทพฯ 100 รายและร้านค้า 100 แห่ง ส่วนในเขตอำเภอรอบนอกและกลุ่มสำนักงานใหญ่ที่ไม่มีสังกัดสาขา กลุ่มละ 50 ราย กรณีนี้สาขาหรือหน่วยงานในกลุ่มแรกทำได้ 200 รายอาจไม่ได้รางวัล ถ้ามีหน่วยงานอื่นในกลุ่มเดียวกันทำได้ถึง 250 ราย หน่วยงานหลังนี้ก็จะได้รับรางวัลสัมฤทธิผลในประเภทบริการนั้นๆ ไป

ในขณะเดียวกันกลุ่มที่สองที่มีเป้าหมายเพียง 50 ราย ถ้าเทียบกันแล้วภายในกลุ่มมีหน่วยงานที่ทำได้สูงสุดเพียง 120 รายก็จะได้รับรางวัลเดียวกันนี้ไป

รางวัลสัมฤทธิผลเป็นชั้นแรกของการก้าวขึ้นสู่รางวัลระดับสูงต่อไป คือรางวัลเกียรติคุณ

เกณฑ์ในการให้คะแนนรางวัลระดับเกียรติคุณ ได้มาจากการเอาผลงานการรณรงค์ทุกบริการมาเฉลี่ยรวมกัน แล้วออกมาเป็นค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับหน่วยงานหรือสาขาอื่นๆ ในกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามสาขาหรือหน่วยงานนั้นๆ จะต้องได้รับรางวัลสัมฤทธิผลบริการใดบริการหนึ่งด้วยจึงจะอยู่ในเกณฑ์ ฉะนั้นบางหน่วยงานเมื่อเอาคะแนนของแต่ละบริการมาเฉลี่ยกันแล้วได้คะแนนสูงสุด แต่ปรากฏว่าไม่มีบริการใดเด่นเลยก็ไม่อาจรับรางวัลเกียรติคุณได้

วิธีการเฉลี่ยคะแนน กระทำโดยเพิ่มคะแนนให้อีก 50 คะแนนทุกๆ อัตราที่ทำได้เกินกว่า 50% ของเป้าหมาย ส่วนหน่วยงานที่ทำได้รองลงมาในกลุ่มจะได้รับคะแนนเพิ่มในอัตราลดหลั่น โดยเทียบกับหน่วยงานที่ทำได้สูงสุด

ส่วนหน่วยงานที่ทำได้สูงสุดของบางกลุ่ม แต่อัตราที่เกินกว่าเป้าหมายนั้นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% ของเป้าหมาย ให้ได้รับคะแนนเพิ่มเท่ากับอัตราที่เกินกว่าเป้าหมายนั้น ส่วนหน่วยงานที่ได้อันดับรองลงมาในกลุ่ม จะได้รับคะแนนเพิ่มตามอัตราร้อยละที่เกินกว่าเป้าหมาย

และรางวัลสูงสุดซึ่งมีเพียงรางวัลเดียวในแต่ละปี คือรางวัลดุษฎี ก็ให้คะแนนโดยเอาผู้ที่ได้รางวัลสัมฤทธิผลของแต่ละกลุ่ม มาเทียบกันทุกกลุ่มโดยใช้วิธีเดียวกัน ให้เหลือเพียงหน่วยงานหรือสาขาเดียว

คนที่ได้รางวัลดุษฎีจึงถือว่าเป็นสุดยอดของรางวัลที่จะมอบกันในงาน "วันแห่งเกียรติยศ" ประจำปี ซึ่งในทางปฏิบัติจะมีการจัดมอบกันสองปีต่อครั้ง ไม่ได้มีการแจกกันทุกปีเหมือนบางรางวัลซึ่งมีมากมายในปัจจุบัน

แต่ที่เป็นสุดยอดของรางวัลอีกทีนั้น น่าจะเป็นการคิดค้นวิธีการสร้างสรรค์รางวัลนี้ขึ้นมา เพราะได้ทั้งเป้าหมายทางธุรกิจของธนาคาร และการยอมรับกันในหมู่ผู้แข่งขันว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเป็นรางวัลที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานต่อกันเลย

และมันก็เป็นผลงานจิตวิทยาของ บรรณวิทย์ บุญญรัตน์ อีกแล้ว !!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us