ลูกค้าของธนาคาร "เวลสปาโก้" ในสหรัฐอเมริกาอาจไม่ต้องเดินไปธนาคาร
หรือโทรศัพท์ไปสอบถามยอดเงินในบัญชี หรือโอนเงินข้ามบัญชีของตัวเอง แต่อาจจะเปิดดูผ่านโฮมเพจของเวลสปาโก้ที่เปิดให้บริการกับลูกค้าเหล่านี้
ในขณะที่บางแห่งก็เปิดให้สินเชื่อรายย่อยผ่านเครือข่ายเส้นนี้ อาทิ การอนุมัติบัตรเครดิต
หรืออนุมัติสินเชื่อรถยนต์ หรือบ้านพักอาศัย
ธนาคารของไทยก็ไม่แพ้กันลงทุนจัดทำโฮมเพจของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะทำไว้สำหรับเป็นเนื้อที่โฆษณาประชาสัมพันธ์
บริการทางธนาคารที่จะมากับอินเตอร์เน็ต หลายแบงก์กำลังอยู่ระหว่างจัดทำ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีไอเดียขนาดไหน
สำหรับแบงก์ไทยพาณิชย์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ย่อมไม่พลาดอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต
คลื่นลูกสำคัญทางเทคโนโลยีวันนี้
อมฤต เหล่ารักพงษ์ ถือเป็นเลือดใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มารับผิดชอบงานด้านเทคโนโลยี
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานเทคโนโลยีประยุกต์ (Vice President Applied
Technology Office)
ภารกิจของอมฤต คือจัดหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กับธนาคาร เขากล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่ในมือกว่า
20 ชนิดทั้งอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต ก็อยู่ในจำนวนนั้น
สำหรับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ธนาคารไทยพาณิชย์นั้น ดูแลเรื่องทางอินเตอร์เน็ต
ซึ่งก็ได้ทำไปแล้ว โดยเปิดใช้มาประมาณ 1 ปี ที่จะทำต่อไปก็เรื่องอินทราเน็ต
ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อจะมาใช้กับแบงก์สาขาทั่วประเทศกว่า 400 สาขา
"เราคิดว่า อินทราเน็ตจะเหมาะกับการใช้งานของแบงก์เรามากกว่าอินเตอร์เน็ต
เพราะมีความปลอดภัย ควบคุมได้ง่ายกว่า"
เมื่อมีการใช้อินทราเน็ตภายในแบงก์แล้ว เชื่อว่าการติดต่อกันผ่านอินเตอร์เน็ตจะมีน้อยลง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถ้าต้องมีการติดต่อกันระหว่างแบงก์โดยผ่านอินเตอร์เน็ตนั้น
ข้อมูลอาจจะรั่วไหลได้ง่าย หากมี Hacker (โจรคอมพิวเตอร์) หลุดเข้ามาเปิดใช้อินเตอร์เน็ตของธนาคาร
บริการอินเตอร์เน็ตของไทยพาณิชย์ในระยะแรก ใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้เป็นที่รู้จักเท่านั้น
ยังไม่หวังผลทางด้านธุรกิจมากนัก
อมฤตเล่าว่า ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้อินทราเน็ต แต่ทางธนาคารก็ใช้สื่อทางไอทีในการบริการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
เช่นตอนนี้ทางธนาคารสมัครสมาชิกอินเตอร์เน็ตให้กับผู้จัดการสาขาทั้งหมดเกือบ
1,000 คน
สำหรับการใช้อินทราเน็ตนั้น อมฤตบอกว่า ในสิ้นปีนี้จะสามารถใช้อินทราเน็ตได้ครอบคลุมทั้งภายในธนาคารไทยพาณิชย์และสาขาทั่วประเทศ
เป้าหมายต่อไปของธนาคารก็คือ การพัฒนาไปเป็นอินเตอร์เน็ตแบงกิ้ง (Internet
Banking) เต็มรูปแบบให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับที่ทำได้อยู่ในขณะนี้ มีอยู่แล้วแต่ยังไม่เต็มรูปแบบ เช่น อินโฟร์แบงกิ้ง
(Info Banking) เอสซีเทรด (SCB Trade) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริการอินทราเน็ตที่ใช้เทคโนโลยีของอินเตอร์ไว้ให้บริการสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
ไม่ได้ให้บริการกับลูกค้าทั่วไป ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการเอสซีบีเทรดจะสามารถโอนเงิน
ดูยอดบัญชี เปิดแอลซีได้
อมฤตยังได้เล่าถึงรายละเอียดในการทำงานของ SCB Trade ว่าพัฒนาจากพื้นฐานอินเตอร์เน็ต
โดยยึดหลักการเดียวกับระบบอินเตอร์เน็ต เพียงแต่ไม่ได้เชื่อมโยง (Link) เข้ากับระบบอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
จึงกล่าวได้ว่าเอสซีบีเทรด ถือเป็นเสมือนระบบอินทราเน็ตเบื้องต้นที่นำมาใช้งานภายในธนาคารนั่นเอง
การพัฒนาระบบ SCB Trade เป็นการจำลองหลักการทำงานของระบบอินเตอร์เน็ตมาใช้
โดยให้บริษัทไอบีเอ็มเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Web Server เพื่อนำมาพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ธนาคารจึงนำหลักการเดียวกันนี้มาใช้ในการคิดค้นพัฒนาเป็นเวลา 1 เดือนเศษ
โดยภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมดังกล่าวเป็นภาษามาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไปในระบบอินเตอร์เน็ต
คือ Hyper Text Markup Language (HTML)
ในส่วนของบริการต่างๆ ของระบบ SCB Trade ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าในระยะแรก
คือ การเปิดแอลซี (Letter of Credit) การโอนเงินชำระ (Trade Remittance)
การสอบถามข้อมูลทุกประเภทที่ใช้บริการด้านการค้าต่างประเทศ การตอบโต้จดหมายระหว่างลูกค้ากับธนาคารโดยผ่านอี-เมล์
หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าจะให้บริการได้ต้นเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับจุดเด่นของการให้บริการผ่านระบบ SCB Trade ประการแรกสุดก็คือ ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลที่ใช้บริการด้านการค้าต่างประเทศได้ตลอดเวลาแบบ
Online Time
จุดเด่นอีกประการหนึ่งก็คือ ความสะดวกรวดเร็วที่ลูกค้าจะได้รับ เพราะสามารถเปิดแอลซีได้ด้วยตนเอง
ผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาติดต่อกับธนาคารเหมือนในอดีต
ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีให้ลูกค้าเห็นว่า ธนาคารมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ
มาให้บริการและสร้างเสริมให้ธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
"ทุกวันนี้ลูกค้าที่ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะยังไม่ได้ใช้บริการทางด้านต่างประเทศ
ดังนั้นการที่ธนาคารมีการนำระบบงานที่อิงหลักการของอินเตอร์เน็ตมาใช้ จึงอาจทำให้ลูกค้าเหล่านั้นสนใจมาใช้บริการ
SCB Trade กันมากขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งขณะนี้มีลูกค้ารายบุคคลอยู่ประมาณ 50
ราย ซึ่งถือว่ามาก น่าพอใจเพราะเราเพิ่งเปิดให้บริการ ไม่เหมือนกับอินโฟร์แบงกิ้งนั้นมีถึง
1,000 ราย เพราะเปิดมานานกว่า
อมฤตยังบอกอีกว่า โดยระบบ SCB Trade ยังสามารถติดตั้งที่ศูนย์บริการการค้าต่างประเทศทั้ง
15 แห่ง เพื่อให้ศูนย์ดังกล่าวทำหน้าที่ด้านการตลาดเป็นหลัก ส่วนธนาคารสำนักงานใหญ่จะทำหน้าที่สนับสนุนศูนย์ในขั้นตอนการดำเนินงาน
ให้มีประสิทธิภาพเข้าสู่ระบบ FITAS
สำหรับงบประมาณในส่วนของสายเทคโนโลยีในแต่ละปีนั้น ทางผู้บริหารได้ตั้งสัดส่วนไว้
8% ของรายจ่ายของธนาคาร หรือประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท