Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 พฤศจิกายน 2547
APUREเล็งล้างขาดทุนสะสมใน3ปีคาดยอดขายปี'47ทะลุ1.2พันล้านบาท             
 


   
search resources

อกริเพียว โฮลดิ้งส, บมจ.
โรจน์ บุรุษรัตนพันธ์
Agriculture
Food and Beverage
สยามเดลมองเต้, บจก.




APURE เล็งล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 500 ล้านบาท ให้หมดภายใน 2-3 ปี เผยอยู่ระหว่างหาแนวทางการปรับโครงสร้างทุน คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ปีหน้า คาดยอดขายปีนี้แตะ 1.2 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ระบุหลังร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัท "สยามเดลมองเต้" ดันสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาทในปี 2549

นายโรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอกริเพียว โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (APURE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างหาแนว ทางปรับโครงสร้างทุนของบริษัท เพื่อที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 500 ล้านบาท ให้ได้ภายใน 2-3 ปีนี้ หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยคาดว่าภายในไตรมาส 2 ของปี 2548 จะได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 9.76 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.04 บาท ขณะที่ผลการดำเนิน งานงวด 9 เดือน ในปี 2547 ขาดทุนสุทธิ 6.84 ล้านบาท ขาดทุน 0.03 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 5.55 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.03 บาท

"ผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีผลขาดทุนเล็กน้อย เนื่องจากยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น"

นายโรจน์กล่าวว่า ยอดขายในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแนวโน้มในปี 2548 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% และเพิ่มเป็น 20-25% ในปี 2549 หลังจากที่บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มจากบริษัทที่ร่วมลงทุนจัดตั้งใหม่คือ บริษัทสยามเดลมองเต้ จำกัด ซึ่งมีบริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัทริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรม จำกัด (RKI) โดยบริษัท ถือหุ้นอยู่ 100% ร่วมจัดตั้งกับบริษัท เดลมองเต้ เอเชีย และบริษัทสามร้อยยอด ซึ่งทำธุรกิจผลิตสินค้าผัก ผลไม้ และอาหารแปรรูป

สำหรับการลงทุนจัดตั้งบริษัทสยามเดลมองเต้ จำกัด มูลค่าการลงทุน รวม 400 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้า ผัก ผลไม้ และอาหารแปรรูป ด้วยเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ "Tetra Recard" ที่พัฒนาโดย Tetra Pack ซึ่งเป็นโครงการแรกในเอเชีย และถือเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยทั้ง 3 บริษัทจะร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารที่มีฐานผลิตในประเทศไทย

ส่วนสัดส่วนการลงทุนแบ่งออก เป็น บริษัท เดลมองเต้ เอเชีย ถือหุ้น 75.1% มูลค่าลงทุน 112.65 ล้านบาท บริษัทสามร้อยยอด 17.4% มูลค่าลงทุน 26.10 ล้านบาท และบริษัทริเวอร์ แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรม จำกัด (RKI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทร่วมลงทุนในสัดส่วน 7.5% มูลค่าลงทุน 11.25 ล้านบาท

นายโรจน์กล่าวว่า โรงงานใหม่ที่ร่วมลงทุนจะสามารถผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2548 โดยมีกำลังการผลิต 50 ล้านกล่องต่อปี ตั้งอยู่ที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด คาดว่าหลังเปิดโรงงานจะมียอดขายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 450 ล้านบาท โดยบริษัทสามร้อยยอดจะป้อนสับปะรด และ RKI จะส่งข้าวโพดหวานป้อนโรงงาน โดยตลาดเป้าหมายอยู่ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีเดลมองเต้เป็นผู้ทำตลาด

"การร่วมทุนครั้งนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เพิ่มจากยอดขายข้าวโพด และเมล็ดพันธุ์ได้เพิ่มในปี 2549 โดยคาดว่าจะรับรู้ รายได้เพิ่มประมาณ 100 ล้านบาท"

สำหรับการทำตลาดหลังจากเกิดการร่วมทุนกันนั้น บริษัทจะมีการป้อนวัตถุดิบให้กันและกัน จากกำลังการผลิตที่แต่ละบริษัทมีความเชี่ยว ชาญ เช่น บริษัท ริเวอร์ แควฯมีโรงงานข้าวโพดแปรรูป ผักสดส่งออกทางอากาศ บริษัทสามร้อยยอด สับปะรด ฟรุตค็อกเทล และผลไม้อบแห้ง และบริษัทเดลมองเต้ เอเชีย จะขายสินค้าผักและผลไม้ แต่จะมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดเอเชีย อย่างไรก็ตาม การทำตลาดทั้งสามบริษัทจะมีการประสานข้อมูลร่วมกัน

"บรรจุภัณฑ์ เตตรา รีคาร์ท จะเป็นสินค้าพรีเมียมเจาะตลาดต่างประเทศ โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นระดับกลางและสูง ในส่วนของกระป๋อง เจาะกลุ่มเป้าหมายในระดับล่างและกลางมากกว่า โดยมีราคาห่างกันราว 10% ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดพรีเมียมแล้ว ราคาสินค้ายังถูกกว่า 15% โดยคู่แข่งหลักประกอบด้วย ยุโรป สหรัฐอเมริกา ฮังการี โดยขณะนี้บริษัทได้วางแผนผลิตสินค้าเพิ่มเติม อาทิ เงาะ ลิ้นจี่ รวมทั้งอาหาร แปรรูปไทย เพื่อสร้างความหลากหลาย ให้ผู้บริโภค"

ริเวอร์แควจะทยอยใช้บรรจุภัณฑ์ กระป๋องกับเตตรา ริคาร์ท โดยในระยะแรกเป็นเตตรา ริคาร์ท 20% กระป๋อง 80% และ 5 ปี คาดว่าจะใช้เป็นเตตรา ริคาร์ท ทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มการใช้บรรจุภัณฑ์เตตรา ริคาร์ท จะมีมากขึ้นทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยคาดว่าจะมาทดแทนบรรจุภัณฑ์กระป๋องเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 20% เนื่องจากการใช้บรรจุภัณฑ์เตตรา ริคาร์ทสามารถลดต้นทุนได้ถูกลง 10% เมื่อเทียบกับการใช้บรรจุภัณฑ์กระป๋อง

สำหรับผลประกอบการโดยรวมของริเวอร์แคว 1,200 ล้านบาท เป็นส่งออก 90% มาจากยุโรป 50% เอเชีย 35% ตะวันออกกลาง 15% และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ 15% โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% ส่วนปีหน้าโต 15-20% และหลังจากที่บริษัทเริ่มผลิตบรรจุภัณฑ์ลงตลาดจะผลักดันให้มีอัตราการเติบโต 20-25%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us