|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปี 48 ดีแทคมองกลยุทธ์เหนือชั้นตลาดโพสต์เพด ค่าบริการเป็นเรื่องรอง ตลาดหลักแข่งที่บริการ ชิงจับตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานมาก หลังประสบความสำเร็จกับ MAXIMIZE ด้วยฐานลูกค้ากว่า 2.4 แสนราย หลังเปิดตัวได้ 9 เดือน พร้อมปรับแนวคอนเซ็ปต์ MAXIMIZE CARD สู่ "Five sense" เข้าถึงความรู้สึกผู้ใช้ให้ลูกค้าได้มากกว่าการซื้อแค่แพกเกจโทรศัพท์มือถือ
นายสันติ เมธาวิกุล ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ โพสต์เพด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวถึงกลยุทธ์การทำตลาดของระบบโพสต์เพดปี48 ว่า จะให้ความสำคัญเรื่องอัตราค่าบริการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ในส่วนดีแทคแม้จะต้องอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันเรื่องค่าโทร. ชั่วโมงละ 1 บาท หรือก่อนหน้านั้นนาทีละ 1 บาท แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับยอดผู้ใช้บริการ โดย ดีแทคยึดกลยุทธ์ที่สำคัญคือได้รับในสิ่งที่คุ้มค่า ได้รับความแปลกใหม่ในบริการมากกว่าการซื้อแค่แพกเกจโทรศัพท์
ตั้งแต่เปิดตัวแมกซิไมซ์ 9 เดือน มียอดรวมลูกค้าจดทะเบียนในระบบโพสต์เพดกว่า 2.4 แสน รายจากยอดรวมลูกค้าในระบบจดทะเบียนทั้งหมด 1.2 ล้านราย
"ปัจจัยที่ทำให้ดีแทคเติบโตในตลาดโพสต์เพดมียอดจดทะเบียนต่อเนื่องนานถึง 18 เดือน เป็นเพราะกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า และระบบตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และนำสิ่งที่ลูกค้าต้องการมาเป็นกลยุทธ์หลัก แทนที่จะมุ่งแข่งขันในเรื่องค่าบริการเป็นหลักใหญ่"
นายสันติ กล่าวว่าลูกค้าที่เลือกใช้แมกซิไมซ์ จะเป็นกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการโทร.มากกว่า 1,200 บาทต่อเดือนซึ่งที่ผ่านมานอกจากลูกค้าจะได้รับส่วนลดค่าบริการเช่นใช้เกิน 5 นาทีลดค่าบริการ 5% ใช้เกิน 30 นาทีลดค่าบริการ 20% แล้วลูกค้าให้การตอบรับบริการ *1899 เลขาส่วน ตัวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบริการที่สามารถช่วย เหลือลูกค้าได้จริง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล บริการท่องเที่ยว ติดต่อการซ่อมบำรุง บริการฉุกเฉินบนท้องถนน โดยบริการช่วยเหลือส่วนบุคคลเป็นที่นิยมของลูกค้าใช้บริการมากถึง 40% ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์จากแมกซิไมซ์การ์ดที่ดีแทคร่วมกับพันธมิตรอย่างร้านอาหารได้ รับความนิยมใช้บริการ 42% และการใช้สิทธิประโยชน์ด้านการชอปปิ้งมีลูกค้าใช้บริการสูงถึง 30%
จากความสำเร็จของยอดผู้ใช้บริการโพสต์เพดที่เพิ่มขึ้นเองเป็นสิ่งยืนยันว่าดีแทคเดินมาถูกทางและคิดจะสานต่อแนวคิดนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มแมกซิไมซ์โดยคอนเซ็ปต์ใหม่ของ แมกซิไมซ์ในปี 2548 จะวางอยู่บน 3 แนวคิดคือ 1.ค่าโทร.เป็นเรื่องเล็ก 2.ทุกปัญหาเป็นเรื่องเล็ก และ3. ชอปปิ้งที่ไหนเป็นเรื่องเล็ก ทั้งนี้ โดยจะมีการปรับในส่วน แมกซิไมซ์การ์ด จากของเดิม ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Five sense" หรือ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อให้แมกซิไมซ์ เป็นได้มากกว่าแพกเกจ โทรศัพท์ตามเป้าหมายที่ต้องการ
"ในปี 2548 ลูกค้าจะเห็นแมกซิไมซ์ โดยเฉพะในบริการเลขาส่วนตัวที่สามารถตอบทุกโจทย์คำถามให้กับลูกค้าได้ และเป็นแพกเกจ บริการที่ลูกค้าเห็นความคุ้มค่าเกินความคาดหมาย เป็นบริการที่สร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้า และเป็นบริการที่อิงความรู้สึกและความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก"
ปัจจุบันดีแทคมียอดลูกค้ารวมทั้งหมด ประมาณ 7.7 ล้านราย แบ่งเป็นระบบโพสต์เพด ประมาณ 1.26 ล้านราย และพรีเพด 6 ล้านกว่าราย เป้าหมายที่ต้องการคือในปี 2548 ต้องการเพิ่มลูกค้า ในระบบโพสต์เพดให้ได้มากกว่าเดือนละ 1 หมื่นเลขหมาย หรือมีอัตราการเติบโตเดือน ละ 10% โดยมองว่าในปี 2548 จะเป็นปีที่การแข่งขันในตลาดโพสต์เพดเป็นไปอย่างรุนแรง และการทำตลาดจะยากขึ้น จากก่อนหน้านี้หลาย โอเปอเรเตอร์ยังไม่เห็นความสำคัญของตลาดนี้ แต่ปัจจุบันทุกรายหันมาหาตลาดโพสต์เพดและมองว่าเป็นตลาดที่ก่อให้เกิดรายได้แน่นอนและยังมาทำตลาดกันอย่างจริงจัง
"ปี 48 ตลาดโพสต์เพดจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันในเรื่องการบริการ ส่วนราคาจะไม่ค่อยมีการพูดถึงกันมากนัก ในส่วนดีแทคจะได้ เปรียบเพราะเน้นคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่แรก โดยคาดว่าจากฐานลูกค้าโพสต์เพด 1.3 ล้านรายในปี 2547 จะเพิ่มเป็น 1.4 ล้านรายในปี 2548"
|
|
|
|
|