"นิสสัน" เดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี หลังเข้ามาดูแลตลาดในไทยเองเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เผยเริ่มดำเนินงานตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ทั้ง 5 ข้อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มยอดขาย ปรับปรุงการบริการ เปิดตัวรถใหม่ ใช้ไทยเป็นฐานส่งออกปิกอัพโฉมใหม่ และขยายกำลังการผลิตเป็น 2 แสนคัน ประกาศทุ่มเงินลงทุนรองรับไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท มั่นใจสามารถผลักดันยอดขายทะลุ 1.3 แสนคัน จากปัจจุบันเพียง 5 หมื่นคัน

นายโคซากุ โฮโซกาวา ประธานบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายของรถยนต์นิสสันในไทยว่า ภายหลังจากนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาถือหุ้นใหญ่นิสสันในไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากนั้นในเดือนกรกฎาคมได้ประกาศแผนธุรกิจเป็นครั้งแรก ด้วยการประกาศพันธสัญญา 5 ข้อ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการตามแผนธุรกิจไปแล้วทุกข้อ

"ตามแผนธุรกิจ 5 ข้อ นิสสันต้องการขยายกำลังการผลิตจาก 1.3 แสนคัน เพิ่มเป็น 2 แสนคัน ภายในปี 2551 โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถปิกอัพ รวมถึงรองรับการผลิตรถโมเดลรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต ทำให้ในปีหน้าไปจนถึงปี 2550 นิสสันจำเป็นต้องลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตตามแผน ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นขอส่งเสริมการลงทุน จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอไปแล้ว"

โดยเงินลงทุนทั้งหมดส่วนหนึ่งจะมาจากการเพิ่มการลงทุนของนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และบริษัท สยามกลการ จำกัด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอีกส่วนจะเป็นเงินกู้จากธนาคารต่างประเทศ รวมถึงบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาต่อสัดส่วนการถือหุ้นแต่อย่างใด

ในส่วนของการลงทุนจะเริ่มทยอยดำเนินการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่จะลงทุนมากที่สุดในช่วงปี 2549-2550 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการผลิตปิกอัพนิสสันโมเดลใหม่ ทั้งทำตลาดภายในประเทศ และส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยขณะนี้บริษัทแม่ได้อนุมัติแผน และทำการออกแบบปิกอัพตัวใหม่ ที่จะมาแทนรุ่น ฟรอนเทียร์ในปัจจุบันแล้ว นอกจากนี้เงินลงทุนบางส่วนจะนำไปใช้รองรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีแผนจะทำตลาดในไทยอีก 9 รุ่น

สำหรับการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตปิกอัพโมเดลใหม่ เป็นไปตามพันธสัญญาข้อที่สองตามที่ประกาศไว้ โดยเป้าหมายการส่งออกในปี 2551 จะมีจำนวนประมาณ 70,000 คันต่อปี แบ่งเป็นปิกอัพ 50,000 คัน ที่เหลือ 20,000 คัน เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ยกเว้นยุโรป และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากทั้งสองแห่งมีฐานการผลิต ของนิสสันอยู่แล้ว ส่วนตลาดหลักที่ส่งออกจากไทยจะเป็นตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นส่วนใหญ่

นายโฮโซกาวากล่าวว่า ในส่วนของพันธสัญญาข้อต่อมา นิสสันวางแผนเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ 10 รุ่น ภายในปี 2551 ซึ่งตามแผนข้อนี้ได้ดำเนินงานไปแล้ว ด้วยการเปิดตัวรถยนต์นั่งระดับหรู นิสสัน เทียน่า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีมาก คาดว่าจะมียอดขายในปีนี้ประมาณ 2,600 คัน และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5,000 คัน

"ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปต้นเดือนธันวาคมนี้ จะมีการเปิดตัว นิสสัน เอ็กซ์เทรล (X-Trail) รถยนต์ อเนกประสงค์แบบเอสยูวีโมเดลใหม่ ที่จะเป็นตัวหลักอีกรุ่นในการทำตลาดปีหน้า และถือเป็นโมเดลที่สองต่อจากรุ่นเทียน่า ตามพันธสัญญาที่นิสสันให้ไว้ ในการทยอยเปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะนำเข้าจากที่ไหนจึงจะเหมาะสม ระหว่างประเทศไต้หวัน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย"

ทั้งนี้ นิสสัน เอ็กซ์เทรล เป็นรถเอสยูวีเครื่องยนต์ QR25DE ขนาด 2,500 ซีซี 180แรงม้า ถือเป็นรถที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และอีกหลายแห่งในโลก ซึ่ง เชื่อว่าตลาดรถเมืองไทยก็น่าจะให้การตอบรับดีเช่นกัน โดยเอ็กซ์เทรลจะเป็นรถรุ่นเดียวที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตามแผนประกาศเปิดตัวรถใหม่ 10 โมเดล ส่วนที่เหลือจะเป็นการประกอบในประเทศทั้งหมด

นายโฮโซกาวากล่าวอีกว่า ขณะที่พันธสัญญาข้อที่สี่ นิสสันจะมีการปรับปรุงในการดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด โดยได้มีการปรับปรุงทุกด้าน ไม่ว่า การบริการ ของพนักงานนิสสัน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ใน โชว์รูม ภาพลักษณ์นิสสันในไทย ตลอดจนถึงทำเล สถานที่ตั้งโชว์รูมนิสสัน ที่จะต้องมีความเหมาะสมมากกว่าปัจจุบัน

โดยทั้งหมดนิสสันได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว เริ่มจากการอบรมพัฒนาบุคลากร ด้วยการนำระบบการบริการของ นิสสัน มอเตอร์ มาฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริการทั้งก่อนและหลังขาย ให้พนักงานในไทยทุกคนได้ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ขณะที่โชว์รูมก็ได้มีการทยอยปรับโฉมใหม่ไปแล้ว ซึ่ง คาดว่าภายในปีหน้าจะมีการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน ไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง และจะครบหมดทุกโชว์รูมภายในปี 2551

ในส่วนของทำเลที่ตั้งโชว์รูม จากการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่า ที่ตั้งโชว์รูมบางแห่งของนิสสันอยู่ใน ตำแหน่งไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ขณะนี้ก็ได้มีการหาพื้นที่ใหม่แล้ว และจะเปิดได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะมีการ เปิดโชว์รูมใหม่ 6 แห่ง ภายในเขตกรุงเทพฯ

"ผลจากการดำเนินงานตามแผนธุรกิจดังกล่าว ทำให้นิสสันมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเดิมตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามียอดขายลดลงตลอด โดยนิสสันตั้งเป้าหมายการขาย สำหรับตลาดรถยนต์ในไทยประมาณ 130,000 คัน ภายในปี 2551 จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 5 แสนคัน" นายโฮโซกาว่ากล่าวและว่า

สำหรับยอดขายนิสสันในปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่า จะต้องมีการกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยคาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะทำได้ประมาณ 46,000 คัน เติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 7% และในปี 2548 หรือ ปีหน้า นิสสันตั้งเป้าไว้ประมาณ 50,000 คัน ซึ่งเติบโต ไม่มากเป็นไปตามสภาวะตลาดโดยรวม ที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 2-3% จากยอดขายรวมปีนี้ประมาณ 600,000 คัน เนื่องจากจะมีปัจจัยเรื่องน้ำมันดีเซลลอยตัวมากระทบ รวมถึงราคาของรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น จากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ของรัฐบาลเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา