|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"วิชัย ทองแตง" นัดบอร์ดปุ๋ยเอ็นเอฟซีถกด่วนสัปดาห์นี้ ทบทวนการจัดสรรวอร์แรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม หลังรายย่อยป่วน "วอล์กเอาต์" ไม่อนุมัติแผนจัดสรรวอร์แรนต์ แถมยังเสนอให้นำวอร์แรนต์ที่จะจัดสรรให้แก่ปตท.-บสท.มาจัดสรรให้แก่รายย่อยเพิ่ม ส่งผลแผนเพิ่มทุนสะดุด ขณะที่ "กิตติรัตน์" เผยแผนฟื้นฟูกิจการเข้าหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 10%
บรรยากาศการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) เมื่อวานนี้ (23 พฤศจิกายน) ค่อนข้างตึงเครียด ซึ่งใช้เวลาการประชุมกว่า 5 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับเชิญจากคณะกรรมการบริษัทปุ๋ยเอ็นเอฟซี ให้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ประชุม เพื่อชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่ตั้งใจเข้ามาฟื้นฟูกิจการของบริษัท ตัวแทนจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และนักลงทุนรายย่อยในนาม "กลุ่มคนรักปุ๋ย" เข้าร่วมประชุม
ก่อนเริ่มประชุม "กลุ่มคนรักปุ๋ย" ได้แจกใบปลิวเสนอข้อเรียกร้องของนักลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการลดทุนในครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2547 ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดทุนครั้งแรก 202:1 หุ้น โดยเรียกร้องให้หุ้นสามัญ (ราคาพาร์ 10 บาท) 1 หุ้น ได้ 20 ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ต่อ 1 หุ้นสามัญ และเมื่อแตกพาร์จาก 10 เหลือ 1 บาท 1 หุ้นสามัญเดิมจะกลายเป็น 10 หุ้นสามัญ ซึ่งรวมแล้วจะได้รับวอร์แรนต์ 200 วอร์แรนต์
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (NFC) กล่าวในที่ประชุมว่า ไม่สามารถที่จะจัดสรรวอร์แรนต์ตามที่นักลงทุนรายย่อยเสนอได้ เนื่องจากคณะกรรมการได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และแนวทางที่คณะกรรมการได้เสนอให้มีการจัดสรรวอร์แรนต์ ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อบรรเทาความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมไม่น้อยกว่า 223.66 ล้านบาท ถือว่ามีความเป็นธรรมและที่สำคัญสัดส่วนผู้ถือหุ้นจะเข้าเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ ที่กำหนดให้รักษาสัดส่วนไม่ให้ต่ำกว่า 10% ของทุนจดทะเบียน โดยอ้างอิงราคาตามราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในการประชุมผู้ถือหุ้นได้มีการยื่นข้อเสนอให้นำวอร์แรนต์ที่จะจัดสรรให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มทุนเช่นเดียวกันนำมาจัดสรรให้กับรายย่อยเพิ่มเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการลดทุน
ในการประชุมนายวิชัย ยืนยันว่าไม่สามารถที่จะทำตามข้อเสนอของนักลงทุนรายย่อยได้ ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยไม่พอใจ และนายวิชัย เตรียมที่จะขอให้ที่ประชุมโหวตแผนจัดสรรวอร์แรนต์ กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยในนามกลุ่มคนรักปุ๋ย จึงตัดสินใจร่วมกัน และประกาศวอล์กเอาต์ทันที ซึ่งทำให้วาระนี้ไม่ผ่านการโหวต ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนของปุ๋ยเอ็นเอฟซี ซึ่งเป็นวาระต่อไปที่จะต้องขออนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 2,486.61 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ต้องสะดุดไป
หลังการวอล์กเอาต์ของกลุ่มคนรักปุ๋ย นายมนตรี ฐิรโฆไท ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุม ได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุม ซึ่งหลังจากที่นับปรากฏว่ามีตัวแทนที่ถือใบรับมอบฉันทะเข้าร่วมประชุมเพียง 19 คนเท่านั้น ซึ่งตามพ.ร.บ.มหาชนแล้ว หากจะต้องประชุมเพื่อพิจารณาวาระประชุมจะต้องมีจำนวน 25 คน ทำให้มีการเสนอให้ยกเลิกการประชุมครั้งนี้
เมื่อเวลา 14.50 น. สถานการณ์ประชุมยังคงวุ่นวายเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ นายวิชัย ทองแตง ในฐานะประธานที่ประชุมจึงตัดสินใจยกเลิกการประชุม
"ผมได้นัดประชุมบอร์ดด่วนในสัปดาห์นี้ เพื่อรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และข้อเสนอของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ต้องการให้คณะกรรมการจัดสรรวอร์แรนต์ให้เพิ่มจากเดิม ก่อนที่จะนัดประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เพื่อให้แผนเพิ่มทุนของปุ๋ยเอ็นเอฟซีเป็นไปตามแผนฟื้นฟู"
นายวิชัยกล่าวว่า การที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาถือหุ้นในปุ๋ยเอ็นเอฟซี ก็เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับบริษัท ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขัน ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาเพื่อตักตวงผลประโยชน์ หรือคิดเข้ามาฉ้อโกงบริษัท และอยากให้นักลงทุนมองอนาคตข้างหน้าของบริษัทมากกว่า และยืนยันว่าคณะกรรมการทุกคนตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการวอล์กเอาต์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อแผนการเพิ่มทุนและการฟื้นฟูกิจการของบริษัท
นายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (NFC) กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา และเพื่อแสดงความโปร่งใส จึงได้เชิญนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน และบริษัทก็เห็นว่าการจัดสรรมีความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยที่ผ่านมาได้มีการเจรจา กับตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว 3 ครั้ง ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่ขัดหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่นายกิตติรัตน์ กล่าวภายหลังการเข้าสังเกตการณ์ประชุมว่า ตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่ในการประสานงานกับบริษัท เพื่อช่วยเหลือผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มทุน และมติของคณะกรรมการชุดใหม่ของปุ๋ยเอ็นเอฟซี ที่มีการจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่ได้มีการแก้ไขสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม ให้อยู่ในสัดส่วน 10% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งทำให้ไม่เข้าข่ายที่จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
"ผมได้รับเชิญจากคณะกรรมการชุดใหม่ ให้เข้ามาสังเกตการณ์ประชุม เพื่อชี้ให้เห็นถึงความโปร่งใสการดำเนินงานของคณะกรรมการ และช่วยชี้แจงบางประเด็นที่ผู้ถือหุ้นสงสัย ซึ่งในการประชุมมีผู้ถือหุ้นซักถามว่า บริษัทจะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหรือไม่ ผมก็ยืนยันว่าไม่เข้าข่ายถูกเพิกถอน เพราะคณะกรรมการได้ทำตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์"
|
|
|
|
|