|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ฮาริสัน" จ่อเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ตั้งเป้าพ.ค.ปีหน้าเข้าตลาดฯ เตรียมระดมทุนเพิ่ม 200-250 ล้านบาท ใช้ขยายสาขา และเครือข่ายการบริการครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ล่าสุดซื้อโครงการทาวน์เฮาส์เก่าย่านศรีนครินทร์ มาพัฒนาใหม่มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท เตรียมขายไตรมาส 1 ปี 48 คาดรายได้ปีหน้าโตอีก 50%
นายอลัน หลิน ประธานกรรมการบริหาร ฮาริสัน กรุ๊ป บริษัทรับบริหารงานขายโครงการ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับขยายธุรกิจในการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร รวมถึงการขยายเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ และอีกส่วนหนึ่งเพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยโครงการอสังหาฯที่กลุ่มบริษัทรับบริหารงานขาย ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด ที่ดินเปล่าและคอนโดมิเนียม ในทำเลต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยมูลค่าที่บริษัทรับบริหารในปัจจุบันมีมูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท
"พอร์ตด้านการบริหารของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องตามภาวะของธุรกิจอสังหาฯ ขณะที่เจ้าของโครงการส่วนใหญ่ต้องการมืออาชีพเข้ามาช่วยในเรื่องการตลาดและการขายเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2542 บริษัทมีมูลค่าโครงการที่บริหารงานขายจำนวน 3,000 ล้านบาท แต่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 23,000 ล้านบาท และในปี 2548 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50% ซึ่งปัจจุบันถือเป็นพอร์ตบริหารงานขายโครงการอสังหาฯที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่สามารถขยายการให้บริการได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่การให้บริการของบริษัทยังไม่สามารถครอบคลุมได้" นายอลันกล่าว
นายอลัน กล่าวต่อว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/47 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 199.80 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 54.35 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 116.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% จากทั้งปี 2546 ที่มีรายได้ 53.30 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2547 มีกำไรสุทธิรวม 17.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 2546 ที่มีกำไรสุทธิรวม 6.38 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 168%
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางด้านการเงิน เปิดเผยว่า อนาคตของธุรกิจอสังหาฯยังมีแนวโน้มของอัตราการเติบโตที่มั่นคงมากกว่าในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นหลังจากวิกฤตเศรฐกิจที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
"สำหรับแผนงานการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฮาริสัน คาดว่าจะสามารถยื่นแบบคำขอเสนอขายหุ้นแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2548 ซึ่งตามเป้าหมายเราจะนำหุ้นกลุ่มบริษัทฮาริสัน เข้าเป็นบริษัท่จดทะเบียนในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาพิจารณาอนุมัติของสำนักงาน ก.ล.ต. ส่วนจะยื่นขอเข้าเป็นหลักทรัพย์ในหมวดอุตสาหกรรมใดนั้นต้องพิจารณาในเรื่องของธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง" ดร.ก้องเกียรติกล่าว
สำหรับโครงการสร้างผู้ถือหุ้นในปัจจุบันของบริษัท นายอลัน หลิน ถือหุ้นในสัดส่วน 35% นายกิตติศักดิ์ จำปาทิพย์พงษ์ ถือหุ้นในสัดส่วน 17% และรายอื่นๆ อีก 28% อย่างไรก็ดี นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างโดยจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทฯ อาทิ บริษัทโฆษณา บริษัทผู้ประกอบการ อีกประมาณ 3-4 บริษัท รวมหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ประมาณ 15% โดยจะมีการเซ็นสัญญาในวันนี้ (24 พ.ย.47)
"คาดว่าหุ้นที่บริษัทจะนำเข้าซื้อขายในตลาดจะมีประมาณ 20-25% ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้เม็ดเงินเข้ามาประมาณ 200 กว่าล้านบาท เพื่อนำไปขยายกิจการและลงทุนเพิ่ม" นายกิตติศักดิ์กล่าว
สำหรับด้านการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมลงทุน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสีลม ซิตี้ รีสอร์ท เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 147 ยูนิต มูลค่า 500 ล้านบาท ปัจจุบันมีจำนวนยูนิตเหลือขาย 3 ยูนิตคาดว่าจะรับรู้รายได้ใน ไตรมาส 1/48 โดยบริษัทถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 35% และโครงการสุขุมวิท ซิตี้ รีสอร์ท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ขายไปแล้ว 50% บริษัทถือหุ้นในโครงการนี้ 25% โดยทั้ง 2 โครงการบริษัทลงทุนรวม 90 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อโครงการเซ็นซาร์ม ซึ่งเป็นโครงการเก่าในนามบริษัทอาริออน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ซึ่งฮาริสันถือหุ้นอยู่ 93.60% โดยโครงการดังกล่าวเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ขนาด 22-28 ตร.ว.ย่านศรีนครินทร์ จำนวน 120 ยูนิต ซื้อมาประมาณ 160 ล้านบาท และต้องใช้เม็ดเงินลงทุนพัฒนาปรับปรุงเพิ่มอีก 40 ล้านบาท โดยมีมูลค่า ขาย 350 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ประมาณเดือนมีนาคม 2548
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปัจจุบัน มาจากด้านการบริการ 70% และอีก 30% มาจากการลงทุน โดยในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการ ลงทุนในการพัฒนาโครงการเป็น 70% และลงทุนในการบริการ 30% ซึ่งการลงทุนด้านการบริการนี้บริษัทมีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 10 สาขา ในปี 2548 เพื่อให้ธุรกิจการบริการครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งเตรียมรับบริหารการขายบ้านมือสองอีกด้วย โดยในแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท
|
|
|
|
|