Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 มีนาคม 2545
ชัยอนันต์ แนะใช้ปัญญารับมือแนวรุกใหม่โลกานุวัตร             
 

   
related stories

ชัยอนันต์ แฉค่าโง่โลกาภิวัฒน์

   
search resources

ชัยอนันต์ สมุทวณิช




”ชัยอนันต์” นำทีมนักวิชาการกระตุ้นคนไทยให้ใช้สติปัญญารับมือกับแนวรุกใหม่โลกานุวัตรจากชาติตะวันตก ที่มาในรูปแบบการรุกทางเทคโนโลยีชีวภาพและทรัพยากร แนะทางออกให้ใช้ทุนทางทรัพยากรและทางภูมิปัญญาที่มีอยู่ของคนไทยให้เป็นประโยชน์

วันนี้(7มี.ค.)โครงการอาณาบริเวณศึกษา 5ภูมิภาค(อบศ.5) ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)ได้จัดเสวนาเรื่อง“จุดจบของโลกาภิวัตน์” ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในอเมริกาเมื่อ 11 ก.ย. 2544 ทำให้วิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของโลกทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่มีเคยเกิดวิกฤตมาแล้วเมื่อปี 2540 อันเป็นผลพวงมาจากระบบโลกในยุคโลกานุวัตร หลายคนจึงตั้งคำถามว่านี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบโลกานุวัตรใช่หรือไม่ จึงได้เชิญนักวิชาการมาเสวนาเรื่อง “จุดจบของโลกาภิวัตน์ ?” ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร วานนี้(7 มี.ค.) ซึ่งนักวิชาการที่ร่วมเสวนาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า จะใช้คำว่า “โลกานุวัตร” ในงานนี้ ซึ่งมีความหมายเป็นกลางมากกว่า โลกาภิวัตน์

ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย กล่าวปาฐกถานำในงานนี้ว่า โลกานุวัตรนั้นเริ่มมาจากกระแสแห่งเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมีข้อดีคือการเรียนรู้ที่มีการแลกเปลี่ยนกันได้ไม่ว่าส่วนไหนของโลก แต่จากกระแสได้กลายมาเป็นระบบที่สร้างกรอบและกติกาขึ้นมาบีบบังคับผ่านองค์กรโลกบาลอย่าง องค์กการการค้าโลก(WTO) และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) โลกานุวัตรนั้นให้ประโยชน์มากกับคนจำนวนน้อยแต่ให้ประโยชน์น้อยกับคนจำนวนมาก

”ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็นเรื่องของระบบการจัดการทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาได้มีการเรียนรู้แล้วว่า การใช้แนวคิดเรื่องระบบการค้าเสรีแบบสุดโต่งนั้นไม่ได้ผล เพราะจากสถิติที่อ้างอิงได้คือ ระบบดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้ประเทศที่ยากจนดีขึ้นมา แต่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกับมีมากขึ้น โดยเปรียบจากปี ค.ศ. 1980 กับค.ศ. 1990 เพิ่มขึ้นจาก 77 เท่าเป็น 122 เท่า ซึ่งหากสูตรการค้าเสรีได้ผลช่องว่างดังกล่าวจะต้องลดลง นอกจากนี้10 ปีที่ผ่านมาประเมินผลแล้วประเทศที่ไม่ยอมตาม WTO และ IMF รอดตัว แต่ประเทศที่ยอมตามนั้นกลับแย่หมด”ศ.ดร.ชัยอนันต์กล่าว

นอกจากนี้ ศ.ดร.ชัยอนันต์ ยังกล่าวว่า การรุกของโลกานุวัตรยุคใหม่มีมาในหลายรูปแบบใช้กลไกการตลาดมาบีบบังคับประเทศที่ด้อยกว่าและมีการให้ IMF มาบีบรัฐบาลในเรื่องค่าใช้จ่ายทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องลำบาก หรือแม้แต่การกู้เงินจากธนาคารโลกมาเพื่อการปฏิรูประบบราชการที่มีดอยเบี้ยสูงถึงร้อยละ 6.75 ตนเคยแนะนำให้คืนไปและเสียค่าปรับดีกว่าที่จะจ่ายดอกเบี้ยแต่รัฐบาลก็ไม่ฟัง เป็นการเสียค่าโง่ยิ่งกว่าค่าโง่ทางด่วนเสียอีก เป็นค่าโง่ที่เกิดจากโลกานุวัตร และล่าสุดเรื่องทุนทางปัญญาเรื่องสมุนไพรของไทย ซึ่งเหลืออยู่ก็กำลังถูกรุกราน

“ทุกวันนี้เรามีแต่พวกสุกๆดิบๆคนที่มีบทบาทกำหนดนโยบายเป็นพวกสุกๆดิบๆเยอะมาก ปัญหาโลกานุวัตร เป็นเรื่องใหญ่ทำให้เราพลาด แต่ถ้าจะไม่ให้พลาดอีกต้องส่งเสริมให้มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และรู้เท่าทัน” ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยกล่าว

ผศ.ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ จากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในผู้ร่วมเสวนากล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่เห่อโลกานุวัตรมากกว่าชาติใดๆในโลก จึงเป็นชาติแรกอีกเช่นกันที่ถูกตะวันตกเข้ามากอบโกยเงินออกไปเพียงชั่วข้ามคืนจนเกือบหมดประเทศ แต่ทุนนิยมตะวันตกก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่กลับเปิดแนวรุกใหม่ด้วยการมองไปที่ทรัพยากรธรรมชาต ิทั้งทางเทคโนโลยีชีวภาพ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีอยู่ในประเทศ โดยพยายามให้เปิดป่าอย่างเสรี แต่เบื้องหลังมีวาระซ่อนเร้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทันคนพวกนี้

ส่วนนางสาวสุกัญญา หาญตระกูล อดีตสมาชิกผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนหญิงและมูลนิธิพิทักษ์สิทธิหญิงบริการ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องใช้ภูมิปัญญาจากความเป็นชาติเล็กๆ สร้างพลังให้ตัวเองไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ ต้องมองยุทธศาสตร์ในเชิงรุกผลักดันให้ตะวันตกกดดันเราน้อยลงโดยต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในกระแสหลัก โดยใช้ทุนที่มีอยู่ของเรา เช่น ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางพุทธศาสนา ทุนทางทรัพยากรให้เป็นประโยชน์

นายชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ นักกิจกรรมจากบางกอกฟอรั่ม ให้ความเห็นว่า วิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกมาจากประเทศที่ใหญ่กว่าพยายามครอบงำประเทศที่เล็กกว่า เพราะมนุษย์มีความโลภ และที่ผ่านมาคนไทยใช้ชีวิตอยู่ด้วยความประมาทไม่ใช้ชีวิตด้วยสติปัญญา ต่อไปนี้เราควรใช้หลักหยินหยางหรือทางสายกลางในศาสนาพุทธรับมือกับโลกยุคโลกานุวัตร ส่วนจุดจบของโลกานุวัตรนั้นเชื่อว่าวันหนึ่งระบบจะเป็นตัวทำลายตัวของมันเอง

สำหรับทางออกในเรื่องโลกานุวัตรสำหรับประเทศไทยนั้น ศ.ดร.ชัยอนันต์ เสนอแนะว่า ยุทธศาสตร์ของโลกานุวัตรนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ไม่สุดโต่งคือ ไม่มีอะไรได้หมดเสียหมดอย่างระบบโลกานุวัตรในทุกวันนี้ สำหรับสังคมไทยนั้นเรายังมีทุนทางปัญญาอีกมากที่จะมาช่วยพยุงสังคมให้คงอยู่ เช่น ทุนทางพุทธศาสนา ทุนทางทรัพยากร ทุนทางวัฒนธรรม เราจึงควรใช้ฐานความรู้เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้าปล่อยให้ระบบโลกานุวัตรมาจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ระบบโลกนุวัตรนั้นไม่สิ้นหรอกแต่ประเทศเราจะสิ้นเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us