เครือเนชั่นออกแถลงการณ์ยุติการเสนอข่าวการเมือง ทางเนชั่นช่อง 8 และรายการวิทยุ
จนกว่าบรรยากาศจะเอื้ออำนวย อ้าง "ผู้ใหญ่" แจ้งปรับเนชั่นออกจากฝังรายการวิทยุคลื่น
90.5 เชื่อความไม่พอใจมาจากประเด็นสัมภาษณ์ "ประสงค์ สุ่นศิริ"
เรื่องบุรุษคาบไปป์ นายกฯ ปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง ขณะที่สมาคมนักข่าวออกจดหมายเปิดผนึก
เรียกร้องให้ชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน
เครือเนชั่นออกแถลงการณ์ชี้แจง กรณียุติการเสนอข่าวการเมืองทาง เนชั่น แชลแนล
ยูบีซี 8 โดยระบุว่า บรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวยให้เปิดกว้างทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างอิสระ
ทำให้ต้องตัดสินใจปรับแนวทางการเสนอข่าว ให้เป็นข่าวที่เน้นเนื้อหาเศรษฐกิจ
รวมทั้งข่าวด้านสังคม ศิลปวัฒนธรรม บันเทิง กีฬา ต่างประเทศ โดยจะงดเว้นการนำเสนอข่าวและความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองเป็นการชั่วคราว
จนกว่าจะมีความมั่นใจว่าไม่มีการแทรกแซงใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า สาเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากตัวแทนของบริษัทสมาร์ทบอมม์
ที่เป็นผู้รับสัมปทาน คลื่นวิทยุ เอฟ เอ็ม 90.5 แจ้งว่า ผู้ใหญ่ของกรมการพลังงานทหาร
ต้องการให้มีการปรับผังคลื่นนี้ใหม่ โดยไม่มีทีมงานเนชั่นอยู่ในผังอีกต่อไป
ซึ่งการแจ้งดังกล่าว เป็นไปอย่างเร่งด่วน ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงทำความเข้าใจใดๆ
ผิดวิสัยของการทำงานร่วมกัน ด้วยดีตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เครือเนชั่นเชื่อว่ากรณีคำสั่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการเกิดปัญหาเทคนิคของยูบีซี
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ในช่วงของการสัมภาษณ์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
ในประเด็นบุรุษคาบไปป์ ซึ่งถูกระบุว่า เป็นผู้ให้ข่าวแก่สองนักข่าวของนิตยสารฟาร์อีสต์เทิร์น
อีโคโนมิค รีวิว แต่รายการดังกล่าวยังสามารถออกอากาศทางวิทยุ 90.5 ได้ตามปกติ
รวมทั้งการสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในประเด็นจดหมายของล็อบบี้ยีสต์
และระหว่างนั้นก็ยังได้มีการติดต่อไปยัง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย
เพื่อชี้แจงในประเด็นเดียวกัน แต่สายโทรศัพท์หลุดไปเสียก่อน โดยทั้งสองกรณีเกี่ยวโยงประเด็นเดียวกัน
จึงทำให้เชื่อว่าเป็นเหตุทำให้ "ผู้ใหญ่" เกิดความไม่พอใจอย่างมาก
เครือเนชั่น ยังได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการด้วยว่า “ผู้ใหญ่” ไม่ต้องการให้
ผู้ดำเนินรายการเก็บตกจากเนชั่นที่เชื่อมสัญญานวิทยุคลื่น 90.5 ช่วง 08.00-10.00
น. มีชื่อเป็นผู้จัดรายการในวิทยุคลื่น 90.5 อีกต่อไป ซึ่งเมื่อบรรยากาศทางารเมืองไม่เอื้ออำนวยให้เสนอข่าวสารและความคิดเห็นทางการเมืองได้
ทางผู้จัดรายการดังกล่าวจึงเกิดความไม่สบายใจในการทำหน้าที่ต่อไป จึงขอไม่เป็นผู้ดำเนินรายการ
จนกว่าบรรยากาศจะเอื้ออำนวยมากขึ้น ส่งผลให้รายการห้องข่าวรับอรุณช่วงเก็บตกจากเนชั่น
ต้องเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอเป็นประเด็นอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเมือง เพื่อไม่ให้เกิดความใจผิดว่ามีเจตนามุ่งร้ายต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางส่วน
"วิทยุเนชั่น ขอยืนยันในนโยบายการเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง และให้โอกาสทุกฝ่ายในการแสดงความคิดเห็นในประเด็นทีเกี่ยวข้อง
เพื่อให้ผู้รับสื่อคือประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้ เครือเนชั่นยึดมั่นตามหลักปฏิบัติของสื่อมวลชนอิสระและจรรยาบรรณตามวิชาชีพ
โดยไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือมุ่งร้ายใดๆต่อผู้ที่ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนฝ่ายรัฐบาล
ซึ่งที่ผ่านมาเปิดโอกาสอย่างมากสำหรับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลชี้แจงข้อวิพากษ์วิจารณ์เชิงนโยบายของรัฐบาล
ที่ฝ่ายค้านหรือนักวิชาการแสดงความคิดเห็น" แถลงการณ์ระบุ
“ทักษิณ” ปฏิเสธแบนรายการวิทยุ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธไม่ได้สั่งให้แบนรายการวิทยุและโทรทัศน์ในเครือเนชั่นตามที่มีการกล่าวอ้าง
โดยเฉพาะกรณีที่ระบุว่าเป็นเพราะรายการของเนชั่นให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
ออกอากาศ โดยย้ำว่า ไม่ทราบเรื่องจริงๆ และที่ผ่านมาก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือดูโทรทัศน์มากนัก
เวลานี้ทำงานระดับบนก็ไม่มีเวลา ถ้าไปสนใจเรื่องเล็กๆ อย่างนี้ คงจะไม่มีเวลาทำงานให้บ้านเมือง
"เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ โดยปกติผมไม่รู้ แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมก็จะสั่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปดูว่าเป็นอย่างไร
แต่เรื่องนี้ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่รู้ว่าเรื่องเกิดขึ้นอย่างไร เช้าวันนี้
ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เลย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าสื่อฯจะต้องมีเสรีภาพและทุกคนเห็นด้วย
เพียงแต่ขอร้องว่าให้มีเสรีภาพในทางที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ด่าว่าใคร
โดยไม่คำนึงถึงความสับสนในประเทศ ซึ่งเป็นข้อแนะนำ
“สื่อฯก็คือมนุษย์ 1 คน คอลัมนนิสต์ก็คือมนุษย์ 1 คน ที่จะเขียนอะไรจากประสบการณ์
จากความรู้สึก แต่ความรู้สึกของคนๆหนึ่ง จะให้คนเป็นแสน เป็นล้าน ฟัง วิทยุ
โทรทัศน์ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ต้องคำนึงว่า สื่อจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่
วันนี้เราต้องการความสามัคคี ความสะใจอย่างเดียวคงไม่ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
ก็ขอให้ทุกคนคิดคำนึงว่า จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร มีอะไรสามารถมาบอกรัฐบาลได้
แนะนำรัฐบาลได้ ผมพร้อมฟัง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ความรู้สึกกับข้อมูลอาจจะไม่ตรงกัน ก็สามารถพูดคุยกันได้
ใครจะด่ารัฐบาลก็สามารถทำได้ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ เพียงแต่ให้คำนึงและเคารพสิทธิส่วนบุคคลก็พอ
“ธรรมรักษ์” ชี้เนชั่นทำผิดสัญญามีโฆษณา
พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์รัฐบาลแทรกแซงการทำงานของสื่อ
โดยมีการห้ามรายการวิทยุและโทรทัศน์ในเครือเนชั่นเสนอการวิเคราะห์การเมืองว่า
รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ไม่เคยห้ามการวิจารณ์รัฐบาล แต่เพราะเครือเนชั่นปฏิบัติผิดสัญญา
โดยเฉพาะรายการในช่องยูบีซี 8 ที่ห้ามมีโฆษณากลับมีการแทรกโฆษณาตลอดเวลา
ที่ผ่านมาได้ให้โอกาสแล้วโดยให้คณะกรรมการของยูบีซีไปเตือน แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น คำสั่งที่ออกมาจึงเป็นคำสั่งที่ชอบ เพราะมีข้อสัญญากำหนดเอาไว้ชัดเจน
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงการถอดรายการของเครือเนชั่นทางคลื่น
90.5 เมกกะเฮิร์ตซ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่อง พร้อมทั้งเห็นว่าการวิพากษ์วิจาร์ต้องมีความเป็นธรรม
และรายการวิทยุทางเครือเนชั่นก็ไม่ได้จ่ายเงินมาหลายเดือนแล้ว
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน
หรือวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านมีมติให้เสนอญัตติด่วนเรื่อการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนของรัฐบาล
ทั้งในส่วนของการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และคุกคามสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ของประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการคุกคามสื่อฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือการคุกคามทางวิชาการ
และล่าสุดที่ปรากฏว่าได้มีการคุกคามไปถึงสื่อในเครือเดอะเนชั่น ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วง
และดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้ยังไม่มีท่าทีที่จะลดน้อยถอยลงในเรื่องการคุกคามสิทธิเสรีภาพฝ่ายต่างๆ
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณีที่ทางกระทรวงกลาโหม สั่งให้วิทยุเครือเนชั่น
งดออกอากาศทางกรมการพลังงานทหาร รวมทั้งห้ามวิเคราะห์ข่าวทางการเมืองนั้นเห็นว่า
เป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 41 ซึ่งก็เป็นไปตามที่เขาเคยคาดไว้ เพราะรัฐบาลต้องการกำจัดคนที่วิจารณ์รัฐบาลออกให้หมด
ซึ่งการดำเนินการกับเครือเนชั่น ถือเป็นการเชือดไก่ตัวที่ 4 ให้ลิงดู ภายหลังจากที่เคยดำเนินการกับนางฟองสนาน
จามรจันทร์ ผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์ นายสุริยงค์ ผลประสาท และตัวเขามาแล้ว
พร้อมเตือนรัฐบาลหากยังคงปิดกั้นเสรีภาพสื่อ และช่องทางการรับรู้ข่าวสารของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ เพราะความรุนแรงในช่วงเดือนพฤษภาทมิฬ ก็มาจากการดำเนินการเพื่อหวังให้สื่อทุกประเภทเซ็นเซอร์ข่าวที่ไม่ติงรัฐบาลเช่นกัน
สมาคมนักข่าวฯออกจดหมายเปิดผนึก
ในวันเดียวกันสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ,สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย,คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ
ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรื่องการสั่งปิดรายการวิทยุถึงนายกรัฐมนตรี โดยอ้างถึงกรณีที่ผู้บริหารสถานีวิทยุกรมการพลังงานทหาร
ได้มีคำสั่งให้บริษัทสมาร์ท บอมบ์ เจ้าของสัมปทานเวลาออกอากาศในคลื่น เอฟ.เอ็ม
90.5 เม็กกะเฮิร์ต ระงับรายการทั้งหมดของเครือเนชั่น
การระงับรายการวิทยุในลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
2544 โดยอ้างสาเหตุที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริงอันเป็นที่มาของการกระทำของรัฐบาลก็เนื่องมาจากความไม่ใส่ใจ
และเพิกเฉยต่อแนวทางการปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา
40 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ดังนั้นรัฐจึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลปัจจุบันกลับอาศัยสภาพการผูกขาดสื่อวิทยุและโทรทัศน์โดยหน่วยงานของรัฐบาลมาใช้
เพื่อประโยชน์ในการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลและใช้ตอบโต้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับฝ่ายรัฐบาลตลอดมา
ดังนั้นจึงเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐและรัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.
ขอให้กรมการพลังงานทหารชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนต่อการมีคำสั่งให้บริษัท สมาร์ท
บอมบ์ ระงับการออกอากาศรายการของบริษัทเนชั่นฯ 2. ขอให้รัฐบาลประกาศนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวของสื่อมวลชนตามที่ระบุไว้ในมาตรา
39 และ 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540