"เสริมสิน สมะลาภา" ออกโรงสยบข่าวร้าย ยันแนเชอรัล พาร์ค ไม่ได้เป็นเอ็นพีแอล เผยหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้มีกว่า 2,700 ล้าน ขณะที่ขอกู้จากกรุงไทยแค่ 1,700 ล้าน ย้ำมี 4 แนวทาง ใช้หนี้ไว้แล้วแต่แผนออกหุ้นกู้ต้องทบทวนใหม่หลังเจอข่าวกลายเป็นหนี้เน่า เบนหาแบงก์ฮ่องกงรอเจรจาต่อรองดอกเบี้ย ด้าน "วราเทพ" ชี้ไม่กระทบสัญญาโครงการร้อยชักสาม ขณะที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติการันตี N-PARK ยังไม่เป็นเอ็นพีแอล และจะไม่กระทบแผนยกฐานะเป็นแบงก์ของบง.ฟินันซ่า ส่วน "สมคิด" มอง เอ็นพาร์คอาจต้องเพิ่มหลักประกัน

จากกระแสข่าวบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) N-PARK เจรจาขอยืดชำระหนี้ต่อธนาคารกรุงไทยจนมีความวิตกกันว่า จะกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค เปิดแถลงข่าว วานนี้ว่า บริษัทฯไม่ได้เป็นลูกหนี้เอ็นพีแอล เพราะยอดหนี้สุทธิของบริษัทฯกับธนาคารกรุงไทยมีเพียง 1,700 ล้านบาทขณะที่มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันกว่า 2,700 ล้านบาท โดยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คือ เงินที่บริษัทกู้กับธนาคารกรุงไทยจะครบกำหนด ชำระในวันที่24 พ.ย.นี้ แต่ ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอยืดเวลาในการชำระหนี้ออกไปอีก 180 วัน ซึ่งขณะนี้ธนาคารกรุงไทยได้รับเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว "ผมของยืนยันว่าN-PARKไม่ได้เป็นเอ็นพีแอล ของธนาคารกรุงไทย เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันมีสูงกว่า 2.7 พันล้านบาท ขณะที่ยอดเงินกู้มีเพียง 1.7 พันล้านเท่านั้นเอง" นายเสริมสินกล่าว

นายเสริมสิน กล่าวว่า แผนในการชำระเงินในส่วนดังกล่าวผู้บริหารได้กำหนดรูปแบบขั้นตอนที่จะนำเงินมาชำระหนี้เป็น 4 แนวทาง 1.ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 2. ขายหุ้นบางส่วนออกไปเพื่อชำระหนี้ 3.นำหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันของหนี้กรุงไทยไปกู้ธนาคารอื่นเพื่อรีไฟแนนซ์ 4.นำเงินที่ได้จากการขายโรงแรมของบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ท (PA) มาจ่ายก่อน

ทั้งนี้เรื่องการออกหุ้นกู้แปลงสภาพได้เคยมีการศึกษามาแล้วโดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 3% แต่ดีลดังกล่าวต้องมีการพิจารณาใหม่เมื่อมีข่าวว่า บริษัท เนเชอรัล พาร์ค เป็นเอ็นพีแอลของธนาคารกรุงไทย ขณะนี้กำลังหารือเรื่องดังกล่าวกับธนาคารแห่งหนึ่งในฮ่องกง โดยฮ่องกงมีข้อเสนอให้จ่ายอัตราดอกเบี้ยในระดับ 4% ซึ่งบริษัทกำลังต่อรองให้อยู่ในระดับ 3% และจะสามารถแปลงสภาพได้เมื่อระดับราคาหุ้นขึ้นไปถึง 2 บาท เรื่องดังกล่าวเป็นแนวทางที่กำลังศึกษาหาข้อสรุปอยู่ โดยมูลค่าหุ้นกู้ที่จะออกประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะการแปลงสภาพหุ้นกู้ 5 ปี

สำหรับเรื่องการนำเงินที่ได้จากการขายโรงแรมเลอเมอร์ริเดียน บีซ รีสอรท์ ภูเก็ต ให้กับกลุ่มฟูลแฟมิลี่ ได้เงินกว่า 4,500ล้านบาท โดยที่บริษัทแปซิฟิก แอทเซ็ท เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วน 50% นั้นในฐานะที่บริษัท เนเชอรัล พาร์ค เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 63%ของ PA จะทำให้มีรายได้ประมาณ 1,020 ล้านบาท เรื่องดังกล่าวคงเป็นแนวทางหนึ่งในการชำระหนี้ธนาคารกรุงไทย จะมีการประชุมเร็วๆนี้

คลังระบุไม่กระทบร้อยชักสาม

นายวราเทพ รัตนากร กล่าวถึง การขอยืดระยะเวลาชำระหนี้ของบริษัท แนเชอรัล พาร์ค ว่า จะไม่ส่งผลให้สัญญาการประมูลที่ราชพัสดุ ในโครงการโรงภาษีร้อยชักสาม ระหว่างกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท แนเชอรัล พาร์ค กับกรมธนารักษ์ ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะบริษัทไม่ได้ยื่นเรื่องถึงกรมธนารักษ์ว่าไม่สามารถดำเนินงานโครงการดังกล่าว ตามเงื่อนไขในร่าง TOR ได้ ดังนั้น ณ วันนี้คุณสมบัติของ N-PARK ยังคงครบถ้วนสมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุน

สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนของกฎหมาย โดยกระทรวงการคลังได้เสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ ครม.ยังไม่ได้บรรจุเรื่องเข้าสู่วาระการพิจารณาในที่ประชุม

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังโดยกรมธนารักษ์ มีสัญญาอยู่แล้ว หากที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ N-PARK ดำเนินงานตามโครงการได้ แต่ทางบริษัทไม่สามารถทำได้ตามเงื่อนไขสัญญา ทางกรมธนารักษ์ก็สามารถยุติสัญญาได้อยู่แล้ว

อุ๋ยการันตี ยังไม่เป็นเอ็นพีแอล

ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การขอยืดชำระหนี้ของแนเชอรัล พาร์ค ธปท. ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว การพิจารณาทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของธนาคารเอง และคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

"ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังดีอยู่ แต่บริษัทอสังหาฯอาจจะดีไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องแยกประเด็นให้ออก"

ส่วนประเด็นที่ N-PARK นำหุ้นมาค้ำประกันสินเชื่อ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงอาจจะส่งผลต่อหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของธปท. แต่เป็นความรับผิดชอบของธนาคารเอง ขณะที่ปัญหาหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลนั้น ขณะนี้ N-PARK ยังไม่ใช่เป็นเอ็นพีแอลแต่อย่างใด

สำหรับผลกระทบอันอาจจะมีผลต่อการยกฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ของบริษัทเงินทุน (บง.) ฟินันซ่า ที่ N-PARK ถือหุ้นอยู่หรือไม่นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ธปท.จะเน้นการพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริหารบริษัทที่จะยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เท่านั้น จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น

"เรื่องผู้ถือหุ้นคงไม่เกี่ยว แต่ยืนยันว่าจะติดตามดูพฤติกรรมของผู้บริหารอย่างจริงจังแน่นอน" ผู้ว่าการธปท. กล่าว