ปตท.สผ.มั่นใจสิ้นปีนี้ได้ข้อสรุปการขายหุ้นเมดโก หลังผู้ถือหุ้นเดิม "Encore" แสดงความจำนงใช้สิทธิซื้อหุ้น New Links ซึ่งเป็นบริษัทแม่เมดโก พร้อมทั้งเตรียมปรับปริมาณการขายเฉลี่ยปี 48 ใหม่จากที่กำหนด ไว้ 1.34 แสนบาร์เรล/วัน หลังจากไตรมาส 3 ปีนี้ ปริมาณการขายทะลุ 1.35 แสนบาร์เรล/วัน โดยปีหน้าจะมีการผลิตน้ำมันก๊าซฯในแหล่งเอส 1 เพิ่มขึ้น
นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขายหุ้น MEDCO ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท New Links Energy Resources ประเทศอินโดนีเซีย ที่ปตท.สผ.ถืออยู่ 40% ว่า ทางบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Temasek ของสิงคโปร์ และบริษัท Encore ซึ่งสนใจซื้อบริษัท New Links จากสัดส่วนที่ปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 40% หรือเท่ากับเป็นการถือหุ้นทางอ้อมในบริษัท MEDCO ซึ่ง Encore ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมได้แสดงเจตจำนงที่จะใช้สิทธิ Pre-emptive Right เพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
การตัดสินใจขายหุ้น MEDCO เนื่องจาก บริษัทฯมีนโยบายที่จะเปลี่ยนวิธีการลงทุนจากการลงทุนผ่านบริษัท โฮลดิ้ง มาเป็นการลงทุนโดยตรงในแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจาที่จะเข้าไปลงทุนในแหล่งน้ำมันและก๊าซฯของ MEDCO โดยตรง 2-3 แห่ง โดยบริษัทฯจะเน้นการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันมากกว่าก๊าซฯ เนื่องจากสัดส่วนปริมาณการผลิตปิโตรเลียมประมาณ 80% เป็นก๊าซฯ ที่เหลือ 20% เป็นน้ำมัน
"แม้ว่า Encore จะใช้สิทธิ์เพื่อซื้อหุ้น แต่เราก็ยังไม่ยกเลิก Temasek ซึ่งการตัดสินใจขาย หุ้นในบริษัท New Links จะอยู่บนพื้นฐานของราคาที่เหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น และยืนยันว่าจะไม่ขายขาดทุนแน่นอน"
นายมารุตกล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2548 ว่า บริษัทฯมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจากแหล่งเอส 1 จากเดิม 17,800 บาร์เรล/วัน ก๊าซธรรมชาติ 38 ล้านลบ.ฟุต/วัน และก๊าซหุงต้ม 273 ตัน/วัน เป็นน้ำมันดิบวันละ 20,000 บาร์เรล/วัน ก๊าซธรรมชาติ 41-42 ล้านลบ.ฟุต และก๊าซหุงต้ม 278-280 ตัน โดยจะขุดเจาะหลุมผลิตและหลุมพัฒนาเพิ่ม 30 หลุม และหลุม Workover จำนวน 22 หลุม คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,800 ล้านบาท โครงการแปลง 44 ประเทศโอมาน จะทำการเจาะสำรวจเพื่อหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 1 หลุม และคาดว่าจะเจรจาขายก๊าซฯได้ประมาณธันวาคมศกนี้
ส่วนโครงการบี 6/27 หรือแหล่งนางนวล บริษัทฯจะเริ่มทดลองผลิตน้ำมันดิบอีกครั้งในพฤศจิกายนนี้ เพื่อสนองความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น คาดว่าจะผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 5,000 บาร์เรล/วัน หากได้ผลเป็นที่น่าพอใจก็จะวางแผนพัฒนาแหล่งนี้ต่อไป
โครงการแหล่งอาทิตย์ คาดว่าจะเริ่มผลิตก๊าซได้ในปลายปี 2549 เบื้องต้นจะผลิต 330 ล้านลบ.ฟุต/วัน ก่อนขยับเพิ่มขึ้นไปถึง 500 ล้านลบ.ฟุต/วัน โดยในปี 2548-2549 มีแผนที่จะทำการเจาะหลุมพัฒนา 80 หลุม และเจาะสำรวจ ก๊าซในแปลง L22/43 1 หลุม เจาะสำรวจในแปลง L 53/43 และ L 54/43 อีกแปลงละ 2 หลุมในปี 2549 เช่นกัน
ดังนั้น ในปี 2548 บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 พันบาร์เรล/วันของโครงการเอส 1 และแหล่งนางนวล รวมทั้งการขายก๊าซฯและคอนเดนเสตในแหล่งปิโตรเลียมที่โอมาน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น โดยปริมาณการขายในไตรมาส 3/2547 เพิ่มขึ้นเป็น 135,456 บาร์เรล/วัน สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ ณ ระดับ 133,000 บาร์เรล/วัน ทำให้บริษัทฯอาจต้องมีการปรับประมาณการ ปริมาณการขายในปี 2548 จากเดิมที่ตั้งไว้ 134,000 บาร์เรล/วัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายก๊าซฯจากแหล่งบงกช และไพลินเพิ่มขึ้นเป็น 3.38 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู และ 3.23 เหรียญ/ล้านบีทียูตามลำดับ รวมทั้งมีปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้นด้วย
นายมารุตกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯยังได้ร่วมมือกับบริษัทแม่ คือ ปตท. ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปี 2563 โดยจะพิจารณาจากราคาที่เหมาะสม ความต่อเนื่องในการซัปพลาย LNG และต้องให้ปตท.สผ.เข้าไปร่วมทุนในโครงการดังกล่าวด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปการศึกษาภายในธันวาคมนี้ ซึ่งแหล่งผลิต LNG รายใหญ่ อาทิ อิหร่าน โอมาน ออสเตรเลีย เป็นต้น
|