เปิดแผนอีจีวี-เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ปหลังควบรวมกิจการ อีจีวีดูแลในส่วนงานแบ็กออฟฟิศ ขณะที่เมเจอร์ดูแลในด้านการตลาดและที่โรงภาพยนตร์ที่สยามพารากอนเตรียมใช้ชื่อใหม่

นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (EGV) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท อีจีวีเอ็นเตอร์เทนเมนท์และบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ป (MAJOR) ว่า ขณะนี้ดำเนินเสร็จเรียบร้อยแล้วและได้มีการแบ่งโครงสร้างการบริหารงานแล้ว โดยงานในส่วนของการปฏิบัติงานภายใน (Back office) เช่น งานในส่วนของบุคลากร, ระบบเทคโนโลยีและระบบบัญชีการเงินนั้นทาง ผู้บริหารของบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะเป็นผู้ดูแล ส่วนงานด้านการตลาดและการดำเนินการต่างๆ นั้นทางผู้บริหารของบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จะเป็นผู้ดูแล

สำหรับการขยายสาขานั้น นายวิชัยกล่าวว่าจะมีคณะกรรมการที่ประชุมร่วมกัน และจะพิจารณาจากสถานที่ที่จะเปิดสาขาเพื่อป้องกันไม่ให้การขยายงานเกิดความซ้ำซ้อนกัน โดยสาขาบางแห่งก็มีการปรับเปลี่ยนชื่อเช่นสาขาที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอร์แลนด์เดิมเป็นสาขาของโรงภาพยนตร์อีจีวี ก็เปลี่ยนเป็นเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เพื่อที่จะทำให้เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ มีสาขาครบ 4 มุมเมือง

นอกจากนี้ ในส่วนของสาขาที่สยามพารากอนจากเดิมจะใช้ชื่อของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ แต่ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะใช้ชื่อใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการที่เป็นโรงภาพยนตร์ในระดับหกดาว ส่วนธุรกิจโบว์ลิ่ง และธุรกิจคาราโอเกะที่ร่วมกับบริษัทอีจีวีเอ็นเตอร์เทนเมนท์นั้นขณะนี้กำลังศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นจึงยังไม่สามารถบอกได้

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทอีจีวีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ได้ควบรวมกิจการกับบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป นั้น ทางบริษัทอีจีวีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ได้ขอเพิกถอนหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (EGV-W1) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2547 ที่ผ่านมา