Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 พฤศจิกายน 2547
ธปท.ผ่อนเกณฑ์บัตรเครดิตเพิ่มวงเงินใช้จ่ายเกิน 5 เท่า             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Credit Card




ธปท.ผ่อนผันเกณฑ์บัตรเครดิต เพิ่มวงเงินใช้จ่าย เกิน 5 เท่าของเงินเดือนตามความจำเป็น ระบุจะดูเจตนารมณ์ใช้กรณีฉุกเฉิน เตรียมส่งเรื่องไปให้ชมรมบัตรเครดิตภายในสัปดาห์นี้ ส่วนจำนวนบัตรเครดิต และยอดสินเชื่อคงค้างไตรมาส 3 ยังเพิ่มขึ้น แต่การเบิกเงินสดล่วงหน้าและการใช้จ่ายในต่างประเทศลดลง

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ข้อสรุปเรื่องการพิจารณาวงเงินของผู้ถือบัตรเครดิตเกิน 5 เท่าของเงินเดือนต่อบัตร ที่ทางชมรมบัตรเครดิตได้เสนอมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนการที่ทางชมรมบัตรเครดิตเสนอขอให้ลูกค้าสามารถนำเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลมาเป็นตัวค้ำประกันทดแทนเงินเดือนนั้น ธปท.จะพิจารณาโดยยึดความสมเหตุสมผลเป็นหลัก ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์มีการอนุมัติวงเงินเกิน 5 เท่าของเงินเดือน ก็จะมีความเสี่ยงต่อธนาคารเองด้วย

"ธปท.จะพิจารณาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือบัตรและผู้ออกบัตร และจะต้องดูความสมเหตุสมผลด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ ธปท.ไม่ต้องการให้มีการกู้หนี้ยืมสินมากเกินไป และคิดว่าวงเงิน 5 เท่าของเงินเดือนก็ถือว่ามากแล้ว ซึ่งในการพิจารณาผ่อนผันคงต้องดูที่เจตนารมณ์ เพราะลูกค้าบางรายมีความจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการชำระเงิน เช่นในกรณีที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน ต้องเข้าโรงพยาบาล หรือต้องการประหยัดเวลาในการเดินทางไปถอนเงิน เป็นต้น" รองผู้ว่าการธปท.กล่าว

นางธาริษา กล่าวต่อถึงตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิต ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ว่า จำนวนบัตรเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ในการพิจารณาอัตราส่วนจะต้องเทียบกับระยะเดียวกันของปีต่อปี ไม่ควรเปรียบเทียบเป็นรายไตรมาส และต้องดูว่าจำนวนบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นมีอัตราการเร่งตัวสูงมากน้อยเพียงใด แต่ที่สำคัญจะต้องดูจำนวนยอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมากกว่า เพราะแม้ว่ามีจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นแต่การใช้อาจเฉลี่ยกันไปเพราะบางคนถือบัตรเครดิตหลายใบ

"ถ้าจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นไม่มากก็ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ควรติดตามดูยอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นว่าเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ ธปท.ติดตามดูยอดการใช้จ่าย ของบัตรเครดิตล่าสุดไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ส่วนผลของมาตรการที่ธปท.ออกไปช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังไม่เห็นผลอย่างชัดเจน คงต้องรออีก ซักระยะ"

นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน กล่าวว่า ธปท.จะส่งเรื่องการพิจารณาขอวงเงินเกิน 5 เท่าของเงินเดือน ไปให้ทางชมรมบัตรเครดิตภายสัปดาห์นี้ ส่วนการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบัตรเครดิตนั้น เพิ่มขึ้นเพียง 3-4% เมื่อเทียบกับสินเชื่อทั้งระบบ ซึ่งยังไม่ถือว่าสูงเกินไป

รายงานข่าวจากสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. ได้รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิต ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 ว่า มีจำนวนบัตรทั้งสิ้น 8,232,338 บัตร โดยเป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ไทย 2,915,245 บัตร บัตรเครดิตที่ออกโดยสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในประเทศไทย 940,277 บัตร และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) 4,376,816 ล้านบาท

สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างมีจำนวนทั้งสิ้น 108,606 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายรวมมีทั้งสิ้น 130,670 ล้านบาท แยกเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศ 97,241 ล้านบาท การใช้จ่ายในต่างประเทศ 5,946 ล้านบาท การเบิกเงินสดล่วงหน้า 27,482 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ที่มีจำนวนบัตร 8,021,238 บัตร จะพบว่าไตรมาส 3 มีจำนวนบัตรเพิ่มขึ้น 211,100 บัตร และมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 5,018 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 2 ที่มียอดคงค้างสินเชื่อ 103,588 ล้านบาท ส่วนปริมาณการใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 2,472 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาสที่ 2 ที่ปริมาณการใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 128,198 ล้านบาท โดยปริมาณการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 6,245 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศมีจำนวนลดลง 354 ล้านบาท เช่นเดียวกับการเบิกเงินสดล่วงหน้าที่ลดลงเช่นกันโดยมีปริมาณลดลง 3,419 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตในส่วนที่เป็นนอนแบงก์ จะเห็นว่าบัตรเครดิต ที่ออกโดยบัตรเครดิตบริษัท ได้แก่ บริษัทบัตรกรุงไทย และบริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา ณ สิ้นไตรมาส ที่ 3 ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ 338,417 บัตร ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการของ ธปท.ที่ออกมากำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ถือบัตร ส่งผลให้จำนวนบัตรลดลง ขณะที่บัตรเครดิตที่ออกโดยตัวแทนออกบัตร เช่น บัตรอิออน บัตรอีซี่บาย บัตรเฟิร์สช้อยส์ กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 จำนวน 419,956 บัตร

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภาพรวมของการให้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบจะพบว่าบัตรเครดิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ เช่นเดียวกับยอดสินเชื่อคงค้างที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายในต่างประเทศและการเบิกเงินสดล่วงหน้าจากบัตรเครดิตมีอัตราลดลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us