แลนด์ฯ ประกาศแผนปี 48 ลุยปูพรมอย่างน้อย 14 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายกว่า 25,000 ล้านบาท เน้นทำเลรอบสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 5 โครงการ ชี้บ้านราคา 2-3 ล้านบาท ขายเร็วปีหน้าสร้าง 800 ยูนิต เตรียมออกตั๋ว P/E 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี "ลลิล" ตรึงราคาขายหวังเร่งระบายสต๊อกในมือ 800 ยูนิต ชี้ตลาดบ้านระดับ 1 ล้านขึ้นแข่งดุเดือด
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 9 เดือนของปี 2547 ว่า ยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 41,978 ยูนิต เพิ่มขึ้น 34.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบยอดจดทะเบียนระหว่างบ้านจัดสรรและที่อยู่อาศัยสร้างเองพบ ว่า ยอดจดทะเบียนของจัดสรรเพิ่ม ขึ้น 64.78% โดยประเภทที่อยู่อาศัย ที่จดทะเบียนมากที่สุดคือ บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 106.37% รองลงมาเป็นบ้านแฝด 46.19% คอนโดมิเนียมยอดจดทะเบียนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.66% เนื่องจากส่วนใหญ่ยังสร้างไม่เสร็จ
"จากสถานการณ์ดังกล่าวเชื่อว่ายอดจดทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯคงไม่น้อยกว่า 60,000 ยูนิต เพราะดูได้จากผลประกอบการของแลนด์ที่ไตรมาส 3 มียอดขายกว่า 5,339 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 4 ปี 2546 ที่มียอดขาย 5,580 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่ห่างกันมาก จึงมั่นใจว่าไตรมาส 4 ปีนี้ยอดขายคงดีขึ้น"
นายนพรกล่าวว่า ปีนี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ โดยไตรมาส 4 เปิดตัว 6 โครงการ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทมีปัญหาเรื่องการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมย่านถนนทรัพย์ เนื่องจากบริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบงานช้า เพราะมีปัญหาเรื่องแรงงานที่ไม่พอเพราะต้องเร่งก่อสร้างโครงการสนามบินหนองงูเห่า ซึ่งทาง อิตาเลียน-ไทยได้มีหนังสือมาชี้แจง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับหรือไม่
สำหรับปีหน้าบริษัทมีความกังวลเรื่องจิตวิทยาของผู้ซื้อและผู้ขายจากปัจจัยราคาน้ำมันที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อได้ เพราะทำให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้นกว่า 20%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2548 บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 14-16 โครงการ โดยจะเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายไม่น้อยกว่า 300 ยูนิตต่อเดือน และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ในย่านถนนสุขุมวิท 41 จำนวน 1 โครงการ และถนนนราธิวาสราชนครินทร์อีก 1 โครงการ ส่วนสาเหตุที่เปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 2 โครงการ เนื่องจากราคาที่ดินดิบในปัจจุบันสูงเกินไปไม่เหมาะที่จะนำมาพัฒนา
วางเป้ายอดขายปีหน้า 25,000 ล้าน
ทั้งนี้ปี 2548 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 25,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% ส่งมอบบ้านไม่น้อยกว่า 4,000 ยูนิต ราคาบ้านเฉลี่ยกว่า 5 ล้านบาท โดยจะเน้นเปิดตัวย่านสนามบินสุวรรณภูมิ (หนองงูเห่า) เช่น บริเวณถ.ศรีนครินทร์ ถ.วงแหวน ถ.กิ่งแก้ว ไม่น้อยกว่า 5 โครงการ (รวมโครงการที่เปิดอยู่เดิม) ราคาเฉลี่ย 5-7 ล้านบาท ส่วนงบประมาณซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาท
"เราเริ่มหันมาพัฒนาบ้านไม่เกิน 2 ล้านบาทด้วย เนื่องจากขายได้เร็วโดยตั้งเป้าพัฒนา 800 ยูนิต ส่วนปี 2547 พัฒนาไป 300 ยูนิต ส่วนตลาดบนราคา 15 ล้านบาท ขึ้นไปที่ชะลอตัวนั้น บริษัทพัฒนาเพียง 10-15% จากเดิมที่พัฒนา 22%" นายนพรกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 5,339 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 1,960 ล้านบาท หนี้สินต่อทุนรวม 0.58/1 และคาดว่าสิ้นปีหนี้สินต่อทุนน่าจะอยู่ที่ 0.5/1
รายใหญ่เบนเข็มเจาะตลาดกลางล่าง
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2548 ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ จะหันไปพัฒนาบ้านระดับกลางล่างหรือบ้านระดับราคา 1 ล้านต้นๆ มากขึ้น เนื่องจากบ้านราคาสูงเริ่มมีจำนวนซัปพลายที่เกินความต้องการ เพราะสต๊อกบ้านราคาสูงยังไม่สามารถระบายได้หมดในปีนี้ เมื่อนับรวมบ้านที่กำลังก่อสร้างอยู่ขณะนี้ ทำให้ในปีหน้าตลาดบ้านราคาสูงเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด
ส่วนตลาดระดับกลางจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะที่สมดุล หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการ เร่งผลิตบ้านระดับกลางป้อนตลาดจำนวนมาก
"บ้านระดับกลางล่างราคาเฉลี่ย 1 ล้านบาทขึ้นไปได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะเป็นตลาดที่มีความต้องการที่แท้จริงและยังมีช่องให้ทำการตลาด แม้ว่าตลาดระดับนี้ลงไปจะมีการเคหะแห่งชาติ รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่นและรายย่อยทั่วไปผลิตสินค้าป้อนตลาดอยู่ แต่ยังไม่พอกับความต้องการ"
เร่งระบายสต๊อกเก่า-ตรึงราคาขาย
นายไชยยันต์กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทยังเน้นจับกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลางเฉลี่ยราคาที่ 2-5 ล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการที่เหมาะสม โดยบริษัทจะยังคงราคาบ้านไว้ในราคาเดิม หากเปรียบเทียบบ้านในตลาดระดับเดี่ยวกันแล้วบ้านของลลิลฯจะมีราคาถูกกว่าโครงการอื่นๆ ประมาณ 20% และในปีหน้ารายอื่นจะปรับราคามากขึ้น
สำหรับยอดขายของลลิลฯ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากยอดขายที่ 1,758.1 ล้านบาท จากเป้ารายได้ทั้งปี 3,000 ล้านบาท ลดจากเป้าเดิมคือ 4,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ลลิลฯ มียอดรับรู้รายได้ที่ 610 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 นี้ ลลิลฯ ยังมีบ้านที่อยู่ระหว่างการโอนอีกประมาณ 660 ล้านบาท ส่วนจำนวนสินค้าที่อยู่ในมือมีจำนวน 800 ยูนิต จากจำนวน 19 โครงการ แบ่งเป็นบ้านอยู่ระหว่างการ ก่อสร้างจำนวน 600 ยูนิต โดยจะก่อสร้างเสร็จและพร้อมที่จะโอนได้ในไตรมาส 1-2 ปี 48
ส่วนอีก 200 ยูนิตเป็นบ้านที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ทั้งนี้สำหรับบ้านสร้างเสร็จจำนวน 200 ยูนิตดังกล่าว ลลิลฯได้จัดแคมเปญพิเศษ จองบ้านพร้อมโอน วางเงินดาวน์ 50,000 บาททุกทำเล พร้อมรับส่วนลด 0.5-1% ของราคาขาย โดยในงานนี้ตั้งเป้าว่า จะมียอดขายประมาณ 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ ส่วนในไตรมาส ที่ 4 บริษัทจะเปิดอีก 1 โครงการ คือ ลัลลี่ วิลล์ 2 ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ มูลค่า 400 ล้านบาท
|