AMATA ร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง ที่ให้บริการเกื้อหนุนและต่อเนื่องในนิคมฯ และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 20% หวังโกยรายได้เพิ่ม ตั้งเป้ากำไรปีนี้ 1 พันล้านบาท และรายได้ 3 พันล้านบาท มั่นใจทำได้แน่เพราะลูกค้ามีเข้ามาต่อเนื่อง คาดขายที่ดินได้ 1,050-1,150ไร่ ส่วนปี 48 ตั้งเป้ารายได้ ที่ 3,500 ล้านบาท และยอดขายที่ดิน 1,300 ไร่
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) เปิดเผยว่าบริษัทได้จัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลด์ จำกัด ที่ AMATA ถือหุ้น 49% ร่วมกับ บริษัท ซัมมิท โอโต อินดัสตรีส์ 49% ที่เหลือจะให้พนักงานของบริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลด์ จำกัด ส่วนอีกหนึ่งแห่ง คือ บริษัท เวีย โลจิสติกส์ จำกัด ที่มีผู้ถือหุ้น 4 ราย โดย AMATA ถือหุ้น 30% เท่ากับ แวนเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของนิสสัน ที่เหลือเป็นบริษัทในกลุ่มของอิโตชู
บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลด์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และทุนชำระแล้ว 50 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท เวีย โลจิสติกส์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท ชำระเต็มจำนวนแล้ว การที่ AMATA เลือกนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนด้วย เพราะนักธุรกิจกลุ่มนี้รู้จักกับนักลงทุนที่หลากหลาย และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งหวังที่จะให้ทำด้านการตลาดให้ด้วย จะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจ
โดยทั้งสองบริษัทนี้ AMATA จะใช้ที่ดินเป็นทุนร่วมในครั้งนี้ พร้อมกับยืนยันว่าบริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลด์ จำกัด จะไม่ส่งผลกระทบ ต่อบริษัท ไทคอน อินดัสตรี คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON) แน่นอน เพราะบริษัทของใหม่นี้จะอยู่ในเขต FREE ZONE ซึ่งจะไม่กระทบกับ TICON เพราะ AMATA ยังจะช่วยเหลือเกื้อหนุนTICONเหมือนเดิม
นางสมหะทัย พาณิชชีวะ ผู้อำนวยการสายการพัฒนาธุรกิจ AMATA กล่าวว่า บริษัท อมตะซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จะดำเนินธุรกิจให้บริการสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป ตั้งแต่ขนาด 700-1,000 ตารางเมตร ในเขตปลอดภาษีและเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งระยะแรก ทางบริษัทอมตะซัมมิทฯ จะก่อสร้างโรงงาน 12 โรงงาน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าจองโรงงานแล้ว 50% และคาดว่าในกลางปี 48 จะสามารถให้เช่าได้เต็มพื้นที่ และจะขยายเฟส 2 ในไตรมาส 3 ปี 48
สำหรับเงินลงทุนระยะแรก 400 ล้านบาท เป็นเงินกู้ 280 ล้านบาท ซึ่งบริษัทที่ตั้งใหม่นี้ต้องซื้อพื้นที่จาก AMATA เพื่อดำเนินโครงการ ทำให้ AMATA ได้รับประโยชน์ 2 ทาง คือ รายได้จากการขายที่ดินและเงินปันผลจากการเป็นผู้ร่วมทุน โดยราคาซื้อขายที่ดินนั้นเป็นราคาส่วนลด สำหรับโครงการนี้จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 20% ระยะเวลาคืนทุน 5 ปี
ขณะที่ บริษัท เวีย โลจิสติกส์ จะดำเนินธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าและขนส่ง ซึ่ง AMATA จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 30% โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุน 380 ล้านบาท เป็นเงินกู้ 260 ล้านบาท ซึ่ง AMATA จะใช้ที่ดินในอมตะนครแทนเงินลงทุน โดยให้กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน 30 ปี จำนวน 36 ไร่ ซึ่งจะก่อสร้างทั้งหมด 3 อาคาร ในระยะแรกจะก่อสร้าง 1 อาคาร พื้นที่ 10,000 ตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างเดือนมกราคมปี 48 แล้วเสร็จกลางปีดังกล่าว และจะรับรู้รายได้ทันทีหลังจากอาคารดังกล่าวก่อสร้างเสร็จ ซึ่งบริษัทนี้จะให้ IRR 18% และระยะเวลาในการคืนทุน 7 ปี
การลงทุนที่ต่อเนื่องกับการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูป และสะดวกต่อการขนส่งเพราะอยู่ใกล้กับสนามบิน สุวรรณภูมิ
สำหรับปีนี้ AMATA ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 46 ที่มีประมาณ 2,900 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิตั้งไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 46 ที่มีกำไรสุทธิ 811 ล้านบาท อันเป็นผลจากการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น และปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่ 1,100 ไร่ จากปีก่อนที่มียอดขายที่ดินเพียง 950 ไร่ การที่บริษัทต้องการขยายงานมากขึ้น เพราะต้องการมีรายได้เข้ามาหลากหลายเพิ่มขึ้น
"แต่ขอบวกลบ 5% เราอาจได้ถึง 1,050-1,150 ไร่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เพราะตัวที่ทำให้เราตั้งเป้า ไว้มาก เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเข้ามาใช้บริการในนิคมฯมากขึ้น นอกจากนี้มาตรการของ FTA ส่งผลดีต่อเรา ทำให้มีการขยายพื้นที่เพราะเชื่อว่าจะมีโรงงานเกิดขึ้นอีกมากมาย และเรากำลังจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ หลังจากทีไปเมืองจีนมา แต่เราไม่ต้องการเข้าไปลงทุนที่จีน เราชอบญี่ปุ่นมากกว่า"
สำหรับปี48 บริษัทตั้งเป้ารายได้ ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท
|