Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กุมภาพันธ์ 2545
โลตัสยุบเคาน์เตอร์เจมาร์ทออก             
 


   
search resources

เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม, บจก.
อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา
เจ มาร์ท, บมจ.




เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันว่า เทสโก้ โลตัส จะลงมาเล่นธุรกิจขายโมบายเอง โดยจะทำแผนก โลตัส โมบาย ในห้างเทสโก้โลตัสของตนเองทุกสาขา เนื่องจากมองเห็นว่าธุรกิจการจำหน่ายมือถือเป็นดาวรุ่งในยุคนี้

กระแสความเคลื่อนไหวของเทสโก้ครั้งนี้ สร้างความหวั่นวิตกให้กับค่ายผู้ประกอบการร้านจำหน่ายมือถือทั้งรายใหญ่รายเล็กในเทสโก้ ต้องเกิดความนระส่ำระสายไปตามๆกัน ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่ายเจมาร์ท ซึ่งถือเป็นรายใหญ่และเป็นผู้เปิดตลาดมือถือในเทสโก้โลตัสให้เป็นรายแรกนั้น ก็ยังมึนอยู่เหมือนกันในช่วงแรกๆ

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด ยอมรับว่า หากเจมาร์ทต้องหยุดการขายมือถือในเทสโก้โลตัสเพราะว่าเทสโก้จะมาทำเองนั้น คงมีผลกระทบกับยอดขายของบริษัทฯอย่างแน่นอน ทีมบริหารของเทสโก้โลตัสต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของเจมาร์ท ต้องคำนึงด้วยว่าเจมาร์ทเป็นรายแรกที่เข้าไปทำการขายมือถือในเทสโก้โลตัสในแผนกโอเอเมื่อเกือบ 4-5 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ล่าสุดได้มีการประชุมและเจรจาอย่างเป็นทางการกับทีมบริหารของเทสโกโลตัสนำโดย นายเจฟฟ์ อดัมส์ ซึ่งเป็นรองประธานและเป็นเบอร์สองของคณะผู้บริหารเทสโก้โลตัสในไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ผลสรุปของการเจรจาออกมา โดยเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย หลังจากที่เกิดความแคลงคลางใจกันขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเทสโก้โลตัสยังคงจะดำเนินธุรกิจ โลตัสโมบายต่อไปตามแผนงานเดิม และจะเป็นผู้บริหารพื้นที่เองอยู่ภายในห้าง ขณะที่เจมาร์ท ซึ่งเดิมเป็นเพียงเคาน์เตอร์อยู่ในแผนกโอเอนั้นก็จะยุบร้านออกไป แล้วออกมาตั้งใหม่ในพื้นที่ส่วนของพลาซ่าของเทสโก้โลตัสทุกสาขาเป็นการทดแทน

เดิมทีเจมาร์ททำธุรกิจโดยใช้ระบบ Consignment หรือการแบ่งเปอร์เซนต์จากยอดรายได้ให้กับเทสโก้ ซึ่งมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ประภทของสินค้า ซึ่งมีตั้งแต่ 5% 6% 7% 8% จนถึง 10% ขึ้นไปก็ยังมี ซึ่งเจมาร์ทมีเคาน์เตอร์ในแผนกโอเอทุกสาขาของเทสโก้ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ขณะเดียวกันก็ยังมีสาขาที่เป็นรูปแบบร้านเจมาร์ทหรือช็อปด้วยตั้งอยู่ในพื้นที่พลาซ่าของเทสโก้จำนวน 3 สาขา คือ ชลบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ซึ่งเป็นการเช่าพื้นที่ไม่มีการแบ่งเปอร์เซนต์จากรายได้

“การสรุปเป็นแนวทางนี้ทำให้ เจมาร์ทต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเช่าพื้นที่ใหม่ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเป็นการเปิดร้านหรือเป็นเพียงแค่คีออสในพลาซ่าเท่านั้น เพราะหลังจากนี้จะต้องมาเจรจาในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร รวมทั้งจุดขายในเคาน์เตอร์จะต้องเริ่มทยอยปิดหลังจากนี้แล้ว และเริ่มเปิดในสาขาใหม่ๆพร้อมกันไปด้วย”

เขายอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด ดังนั้นงบประมาณที่จะนำมาลงทุนในส่วนนี้คงต้องมีการจัดตั้งงบประมาณกันใหม่ จากเดิมที่แผนการขยายสาขาในส่วนที่เป็นของบริษัทฯเองในปีนี้ ตั้งงบประมาณโดยรวมไว้ที่ 120 ล้านบาท จำนวน 30 สาขา หรือเฉลี่ย 4 ล้านบาทต่อสาขา

“เป็นการจบลงด้วยความพอใจของทั้งคู่ เพราะเทสโก้โลตัสก็ไม่อยากเสียเรา เราเองก็ทำการค้าที่ดีในเทสโก้มาตลอด เป็นความเข้าใจกันดีแล้วในปัจจุบันนี้”” นายอดิศักดิ์ย้ำ

ความสัมพันธ์ระหว่าางเจมาร์ทกับเทสโก้โลตัสยังดีอยู่เหมือนเดิม เพราะไม่เช่นนั้นเทสโก้คงไม่หาทางออกแบบนี้ให้ ซึ่งก่อนหน้านั้น เมื่อต้นปีที่แล้ว ทางเทสโก้ยังเคยมอบรางวัลให้กับร้านเจมาร์ทสาขาชลบุรีและสาขาอุบลราชธานี ในด้านการตกแต่งและก่อสร้างร้านค้ามาแล้วด้วย

นอกจากในเทสโก้โลตัสนี้แล้ว เจมาร์ทยังมีการทำธุรกิจในโมเดิร์นเทรดอีก 2 แห่งคือ ที่บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ ทุกสาขาซึ่งมีจุดขายทั้ง 2 แบบคือ การเช่าพื้นที่เปิดเป็นร้านในพลาซ่ากับการแบ่งเปอร์เซนต์ กับจุดขายในสยามจัสโก้ จำนวน 4 สาขา มีลักษณะเป็นการแบ่งเปอร์เซนต์จากยอดรายได้ให้กับเจ้าของพื้นที่ ซึ่งเขายืนยันว่า อีก 2 ห้างนี้ยังไม่มีปัญหาเหมือนกับกรณีเทสโก้โลตัสเกิดขึ้นแต่อย่างใด

เครือข่ายเจมาร์ทที่เหลือยังมีที่แฟชั่นไอส์แลนด์ ตะวันนาพลาซ่า อิมพีเรียลสำโรง เซ็นทรัลพลาซ่า ไอทีมอลล์ เดอะมอลล์ โรบินสัน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 10 สาขา

สำหรับสัดส่สวนรายได้ของเจมาร์ทนั้นมาจากช่องทางโมเดิร์นเทรดประมาณ 25% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย ดังนั้นหากมีปัญหากับเทสโก้โลตัสขึ้นมาย่อมส่งผลกระทบกับยอดรายได้รวมแน่นอน

ปัจจุบันเจมาร์ท มีสาขาเปิดบริการทั้งสิ้น 120 แห่ง แบ่งเป็นของบริษัทฯประมาณ 80 แห่ง รูปแบบคีออสและเคาน์เตอร์ 30 กว่าแห่ง และร้านของแฟรนไชส์ประมาณ 6 แห่ง คือ ที่ ชุมพร หาดใหญ่ ตราด ศรีษะเกษ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ

สำหรับแผนการดำเนินงานของเจมาร์ทในปีนี้ นายอดิศักดิ์กล่าว่า มีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนในเร็วๆนี้ 50 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และจะเพิ่มอีก 50 ล้านบาทในช่วงกลางปี เพื่อให้ทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในกรกฎาคมนี้จากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้

ส่วนแผนการขยายสาขานั้น ในปีนี้กำหนดที่จะเพิ่มสาขาทุกรูปแบบให้ได้ 80 สาขา โดยเน้นในตลาดต่างจังหวัดมากเป็นหลัก เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดและหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพ แต่การรองรับยังไปได้ไม่ถึง โดยขณะนี้สัดส่วนช่องทางการจำหน่ายแบ่งเป็น กรุงเทพฯกับต่างจังหวัดเท่ากันคือ อย่างละ 50% แต่ในปีนี้บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะปรับสัดส่วนใหม่โดยให้ช่องทางในต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 65% และกรุงเทพฯเหลือ 35% เท่านั้น

ลักษณะของร้านที่จะเปิดปีนี้แบ่งเป็น ร้านของบริษัทฯเอง 30 แห่ง ร้านของแฟรนไชส์ 30 แห่ง และจุดบริการแบบคีออสอีก 20 แห่ง เป็นการลงทุนของบริษัทฯเองเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทฯมีการขยายตัวมากที่สุดตั้งแต่เปิดกิจการมากว่า 10 ปี โดยมีการเพิ่มสาขามากที่สุด

อย่างไรก็ดีสาขาจำนวนนี้ยังบริารครอบคลุมเพียงแค่ 40-50% เท่านั้นของพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในแง่ของกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ๆนั้นแทบจะครอบคลุมหมดแล้ว

เขาย้ำด้วยว่า ช่องทางจำหน่ายของเจมาร์ทเวลานี้มีทั้งสิ้น 4 รูปแบบคือ ร้านเจมาร์ททั้งของบริษัทฯและแฟรนไชส์ 2.ขายผ่านเว๊บไซต์ 3.ขายผ่านเดลิเวอรี่ เบอร์ 1117 ซึ่งเริ่มเมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้มียอดขายประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน 4.ขายผ่านเคาน์เตอร์และคีออส

นอกจากนั้นจะมีการรีโนเวทร้านเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่หมด ซึ่งบางสาขาจะปรับเป็นแบบ เจมาร์ท ไอทีโซลูชั่น ซึ่งร้านแบบนี้จะมีสินค้าไอทีจำหน่ายด้วย ปัจจุบันมีประมาณ 16 สาขา ตั้งเป้าปีนี้เพิ่มเป็น 25 สาขา ซึ่งสินค้าไอทีทำสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 15%

ขณะเดียวกันได้มีการแต่งตั้งทีมตลาดขึ้นมาใหม่ 2 ทีม โดยทีมแรกจะดูแลสินค้าไอทีโดยเฉพาะ และอีกทีมดูแลการตลาดทั้งหมด ด้วยการได้นายวิบูลย์ เรืองเกรียงสิน เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบ

“เราขยายตัวมาก เพราะว่าเราต้องสร้างศักยภาพให้ตลาดได้เห็น และตลาดรวมมันโต เราต้องรักษาส่วนแบ่งของเราเอาไว้ และเพิ่มขึ้นด้วย ตอนนี้เรามีแชร์ประมาณ 6-7% คาดว่าปีนี้น่าจะมีแชร์ 10% ในตลาดมือถือ จากตลาดรวมประมาณ 8 ล้านเครื่องในปีนี้ ”

สำหรับผลประกอบการปีที่แล้งทั้งกรุ๊ปมีประมาณ 2,100 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 60 ล้านบาท คาดหวังปีนี้จะมีรายได้เป็น 4,000 ล้านบาท โดยมี 3 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจขายมือถือ อุปกรณ์เสริม ธุรกิจบริหารหนี้สิน ปีนี้ตั้งงบประมาณโฆษณาไว้ที่ 80 ล้านบาท สวนงบการตลาดรวมประมาณ 3% จากยอดขาย และปีหน้าคาดรายได้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us