อิทธิพลความคิดเขาเป็นคนหนึ่งในฐานะมืออาชีพจำนวนไม่กี่คน ที่เติบโตเข้าสู่สังคมวงในสังคมไทย
ทั้งๆ ที่เขามาจากครอบครัวธรรมดา ท่ามกลางผู้คนที่ทรงอิทธิพลในสังคมยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
ส่งมาถึงรุ่นที่สอง ยิ่งไปกว่านั้น เขากลายเป็นนักบริหารมืออาชีพคนแรก สำหรับองค์กรรากฐานสังคมที่ไม่ค่อยได้เปิดให้สามัญชนทั่วไปขึ้นมาเป็นผู้นำมาก่อน
บริษัทปูนซิเมนต์ไทยก่อตั้งมา 90 ปี แต่อยู่ภายใต้การบริหารของฝรั่งมา
60 ปี คนไทยเพิ่งบริหารเมื่อ 30 ปีมานี้เอง โดยเขาเป็นคนไทยคนที่ 5 หลังจากที่สองคนแรกเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และเป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอีก
2 คนต่อมา ก็คือ คนในวงศ์ตระกูลชั้นนำของสังคมไทย
ชุมพล ณ ลำเลียง ไม่เพียงเป็นสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งที่ไต่เต้าในองค์กรใหญ่
และรากฐานมากในสังคมธุรกิจไทยเท่านั้น หากยังมีบทบาทอย่างสำคัญต่อเนื่องในยุค
30 ปี ของเครือซิเมนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีมานี้ ในยามวิกฤติการณ์อย่างสำคัญด้วย
ทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงการเปลี่ยนยุทธศาสตร์สำคัญของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
คำว่า "บรรษัทภิบาล" (Corporate Good Governance) กำลังเป็นสโลแกนสำคัญในช่วงนี้ของเครือซิเมนต์ไทย โดยทำโฆษณาทางโทรทัศน์ตลอดเดือนที่ผ่านมานี้ มีความหมายเชื่อมโยงมาถึงบุคลิกของชุมพล
ณ ลำเลียง ด้วยอย่างมิพักสงสัย
ปูนซิเมนต์ไทยปรับมาตรฐานทางบัญชีครั้งสำคัญ เมื่อกู้เงินจากหน่วยงานของธนาคารโลกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในยุคของผู้จัดการใหญ่ชาวเดนมาร์กคนสุดท้าย
ซึ่งมีความรู้ทางบัญชีที่ดี จากนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของการขยายตัวต่อเนื่องอย่างสำคัญของเครือซิเมนต์ไทยที่เติบโต
10 เท่า และขยายแขนงธุรกิจอย่างมากมาย โดยเฉพาะทศวรรษที่ 2530
เครือซิเมนต์ไทยมีมาตรฐานการบริหาร มีระบบข้อมูลที่เปิดเผยต่อนักลงทุนและสาธารณชนที่ดีและต่อเนื่อง จากนั้นในฐานะองค์กรธุรกิจที่มีมืออาชีพบริหารตั้งแต่แรกตั้ง มิใช่ธุรกิจครอบครัวไทย
ที่ถูกตั้งคำถามเสมอในเรื่องความตรงไปตรงมาของการบริหาร และการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
จึงมิใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย เมื่อนักลงทุนต่างประเทศนิยมเข้าร่วมทุนกับเครือซิเมนต์ไทย นอกจากจะเป็นกิจการที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ที่ทรงอิทธิพลทางความคิดต่อผู้คนในสังคมนี้แล้ว การบริหารโดยมืออาชีพ ก็มีค่าเป็นจริงที่สัมผัสได้
ชุมพล ณ ลำเลียง ไม่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญทางการเงินและบัญชีเท่านั้น ยังนับว่าเขาเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญมากในการพัฒนาธุรกิจยุคใหม่ของเครือซิเมนต์ไทยในช่วงเกือบ 30 ปีมานี้ ในฐานะนักวางแผนวางกลยุทธ์อย่างสำคัญในระดับธุรกิจย่อยๆ
ต่อเนื่องมาเป็นภาพรวม เมื่อเขาก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ในปี 2536 ก็นับว่าเป็นผู้บริหารที่เข้ามาในช่วงองค์กรกำลังดำเนินไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสังคมไทยและภูมิภาค
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับยุทธศาสตร์องค์กรสำคัญเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่กระทบมาสู่เครือซิเมนต์ไทยอย่างหนักทีเดียว
- การปรับตัวเข้าสู่ระดับพัฒนาคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณที่มุ่งขยายกิจการ
โดยเฉพาะความชำนาญของบุคคลของเครือซิเมนต์ไทย ที่ไม่สามารถแสวงหาจากภายนอก
นอกจากการพัฒนาภายในอย่างยาวนาน
- ปรับตัวทางยุทธศาสตร์ว่าด้วยการใช้เงิน จากการใช้เงินกู้เป็นหลักในการขยายกิจการหรือลงทุนต่างๆ
ไปสู่ความพยายามเข้าสู่ตลาดเงินโลก ด้วยการระดมทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างๆ
แม้ว่าแนวคิดจะยังไม่บรรลุ โดยเฉพาะการเพิ่มทุนครั้งแรกในรอบ 25 ปีก็ตาม
แต่ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของเครือซิเมนต์ไทย
ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ในแนวคิดว่าด้วยความพยายามรักษาสัดส่วนการลงทุนในเครือซิเมนต์ไทยไว้ในอดีต
อิทธิพลทางความคิดของ ชุมพล ณ ลำเลียง ส่งผลให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ปรับตัวเข้าสู่ยุคของการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนมากกว่าการรักษาสัดส่วนการถือหุ้น
หรืออำนาจในการบริหาร ทั้งนี้สำนักงานฯ ได้เรียนรู้โลกการเงินอันกว้างขวางและประจักษ์ว่า พลังการลงทุนของสถาบันหลักของประเทศไทยเล็กเกินไป
อีกมิติหนึ่งของ "บรรษัทภิบาล" ก็คือ ภาพสะท้อนของมืออาชีพที่มีความสามารถในการจัดการ
ชุมพล ณ ลำเลียง มาจากครอบครัวค้าขาย นำสินค้าจากต่างประเทศมาขายในเมืองไทย
เขาจึงมีโอกาสเรียนหนังสือในต่างประเทศตั้งแต่เล็ก โดยผ่านการศึกษาอย่างดีจากสหรัฐฯ
ในยุคที่วิชาการบริหารธุรกิจกำลังเริ่มต้นขับเคลื่อนสังคมอเมริกันให้เข้มแข็งขึ้น
ก่อนจะเข้าสู่การสร้างอิทธิพลต่อโลกในระยะต่อมา
เขาเป็นตัวแทนบุคคลในเครือซิเมนต์ไทย ที่พัฒนาความสามารถอย่างแท้จริงในการบริหาร
จนสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสังคมวงในมาก่อน
แนวทางนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในเครือซิเมนต์ไทย ที่กำลังสร้างนักบริหารที่มีจุดเริ่มต้นจากสามัญชน
เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมโดยรวมในระยะต่อไป
บรรษัทภิบาล ที่แท้ก็คือ คุณภาพของบุคคล ซึ่งเครือซิเมนต์ไทยเป็นตัวอย่างดีที่สุดในการสร้าง และพัฒนาบรรษัทภิบาล โดยมี ชุมพล ณ ลำเลียง เป็นผลิตผลที่จับต้องได้มากที่สุด