|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยูไนเต็ดเปเปอร์เดินสายโรดโชว์ หาดใหญ่ เชียงใหม่ ฯลฯ ไม่สนตลาดผันผวน สถานการณ์หุ้นจองทรุด เคาะราคา 29 พ.ย.จากกรอบ 7-10 บาท ตั้งคณะกรรมการร่วมกับที่ปรึกษามั่นใจเคาะราคาให้ทุกฝ่ายพอใจ ทั้งผู้ถือหุ้นใหม่และผู้ถือหุ้นเดิม
นายมงคล มังกรกนก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเสนอขายหุ้น ยูไนเต็ด เปเปอร์ ให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ว่า ที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และนำเยี่ยมชมกิจการที่โรงงานที่จังหวัดปราจีนบุรี และในวันที่ 15, 16 และ 18 พ.ย. 47 จะนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน หรือโรดโชว์ที่ เชียงใหม่ หาดใหญ่ พิษณุโลก และกรุงเทพมหานคร
จากนั้นจะมีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นในวันที่ 29 พ.ย. 47 โดยในการกำหนดราคาขายหุ้นให้กับประชาชนนั้นบริษัทฯ มีคณะกรรมการกำหนดราคา เนื่องจากมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่หลายกลุ่ม คือ ตระกูลชินเศรษฐวงศ์ ตระกูลวิริยะประไพกิจ ตระกูลมังกรกนก ตระกูลหวังธรรมนูญ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ฯลฯ การกำหนดราคาจึงจะทำร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ขณะนี้กำหนดกช่วงไว้ที่ 7-10 บาท และเปิดเสนอขายหุ้นในวันที่ 1-3 ธ.ค. 47 โดยคาดว่าหุ้นน่าจะสามารถเข้าซื้อขายใน SET ได้ในวันที่ 15 ธ.ค.47
ทั้งนี้จำนวนหุ้นที่จะเสนอขายมีทั้งสิ้น 30.68 ล้านหุ้น คิดเป็น 23.60% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเพิ่มทุนจำนวน 650 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
สำหรับภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนจากปัจจัยในและนอกประเทศ ตลอดจนหุ้นไอพีโอที่ราคาต่ำลงหลังเข้าตลาดฯนั้นนายมงคล กล่าวว่า หากสถานการณ์ไม่มีอะไรที่ร้ายแรงไปมากกว่านี้ การเสนอขายหุ้นและเข้าตลาดฯจะเป็นไปตามกำหนดเดิม ส่วนการตั้งราคาหุ้นเสนอขายนั้นจะยึดหลักดูผลประโยชน์ทั้งผู้ถือหุ้นเก่า และผู้ถือหุ้นใหม่ด้วยจึงไม่ต้องกังวล
ด้านผลประกอบการปี 47ครึ่งแรกมีกำไร 66 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์ 1,975 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.56 เท่า และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อมราคา 144.02 ล้านบาท
นายมงคล กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 7.5 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง และกำลังการผลิตไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ลงทุนไปแล้ว 150 ล้านบาท และจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้มาลงทุน 150 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าการก่อสร้างรวมทั้งการติดตั้งเครื่องจักรจะแล้วเสร็จ และสามารถเดินเครื่องจักรได้ภายในปลายไตรมาสแรกของปี48
นอกจากนี้บริษัทได้ศึกษาโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษด้วยการเพิ่มความเร็วของเครื่องจักรจากเดิมที่เดินเครื่องด้วยความเร็ว 300 ตันต่อวัน เป็น 400 ตันต่อวัน ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนตันต่อปี เป็น1.3 แสนตันต่อปี โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 80 ล้านบาทซึ่งจะทำให้ยอดผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดรายได้ที่สูงตามมาด้วย
|
|
|
|
|