Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 พฤศจิกายน 2547
MCOTหาช่องผลิตรายการดันรายได้เพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ อสมท.

   
search resources

องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (MCOT)
TV




โมเดิร์นไนน์ปรับทิศรุกเปิดแผนเพิ่มรายได้และพื้นที่ขายโฆษณา เล็งผลิตรายการเองเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับลดสัดส่วนให้เช่าเวลาลง รองรับเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ล่าสุดอาร์.เอส.ฯ คว้าเวลาไพรม์ไทม์ ยึดละครหลังข่าวเสาร์-อาทิตย์ ชูระบบเรฟเวนิวแชร์ริ่ง

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจทีวีในปีหน้าจะมีการแข่งขันสูงมากยิ่งขึ้น ทุกช่องจะต้องมีการปรับตัวตลอดเวลามากกว่าปีนี้ และจะต้องพยายามสร้างบุคลิกเฉพาะตัวให้มีความแตกต่างจากช่องอื่น ซึ่งเป็นไป ได้ว่าอาจจะมีบางช่องที่บุคลิกคล้ายกัน โดยโมเดิร์นไนน์ยังคงยึดคอนเซ็ปต์ สังคมอุดมปัญญา ซึ่งเนื้อหารายการกว่า 80% เป็นข้อมูลข่าวสารและสาระ

นอกจากนั้น สัดส่วนของรูปแบบการผลิตรายการของโมเดิร์นไนน์จะเปลี่ยนไป ซึ่งเมื่อปี 2545 รายการประเภทให้เช่าเวลาจะมีสัดส่วนมากที่สุด 54% รายการที่โมเดิร์นไนน์ผลิตเอง 34% และรายการที่โมเดิร์นไนน์ร่วมผลิตกับผู้จัดรายการ 12% แต่ในปี 2547 สัดส่วนได้เปลี่ยนไปเป็น ผลิตรายการเอง 44% ให้เช่าเวลา 38% และร่วมผลิต 18% ซึ่งอนาคตมีแนวโน้มที่โมเดิร์นไนน์จะผลิตรายการเองมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้โมเดิร์นไนน์มีอัตราการเติบโตได้อีก ทั้งจากพื้นที่การขายโฆษณาและราคาค่าโฆษณาที่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโฆษณาปีที่แล้ว มีการใช้จ่ายผ่านสื่อทุกประเภทมูลค่า 72,000 ล้านบาท แต่ใช้งบโฆษณาผ่านทีวีมากถึง 42,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% มีอัตราเติบโตโดยเฉลี่ย 10% แต่ปี 2547 เม็ดเงินโฆษณาผ่านอุตสาหกรรมทีวี 6 เดือนแรกโต 16%

ส่วนผลประกอบการของโมเดิร์นไนน์ ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 2,015 ล้านบาท เติบโต 46% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำได้ 1,381 ล้านบาท กำไรเติบโตขึ้น 82% จาก 453 ล้านบาทเป็น 823 ล้านบาท โดยธุรกิจทีวี มีรายได้ 1,253 ล้านบาท เพิ่มจาก 699 ล้านบาทหรือโต 79% ส่วนธุรกิจวิทยุ ปีที่แล้วมีรายได้ 241 ล้านบาท ปีนี้มีรายได้ 309 ล้านบาท เติบโต 28%

ล่าสุดโมเดิร์นไนน์ได้ปรับเวลาหลังข่าวในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ทำเป็นละครหลังข่าวอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นไปตามรูปแบบทีวีวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยให้บริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบในการผลิตละครหลังข่าวเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าในเรื่อง "พี่น้อง 2 เลือด" เป็นเรื่องแรก เพราะได้ข้อตกลงตามต้องการที่เน้นละคร ยิ่งใหญ่ลงทุนสูง โดยจะเป็นการแบ่งเรเวนิวแชร์ริ่ง (Revenue Sharing) ระหว่างโมเดิร์นไนน์กับอาร์.เอส.ฯ

นอกจากการปรับรายการในช่วงหลังข่าววันเสาร์-อาทิตย์แล้ว แผนงานต่อไปยังมีอีกมาก โดยเฉพาะรายการในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดชดเชย ซึ่งยังไม่เคยเข้าไปปรับ ก็อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมการ ส่วนแผนการปรับเฟสที่ 6 ขณะนี้ได้เริ่มทยอยเปิดตัวบ้างแล้ว อาทิ รายการเหนือธรรมชาติ, ชิงช้าสวรรค์, ละครรักนี้นิรันดร

ด้านการออกโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยมีผู้สนใจ รับนัด รับฟังรายละเอียดและตัดสินใจซื้อประมาณ 84% ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุด โดยที่ผ่านมามีตัวเลขการซื้อจากสถาบันต่างประเทศ 36 ล้านหุ้น และสถาบันในประเทศ 36.6 ล้านหุ้น

ด้านนายแมนพงษ์ เสนาณรงค์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายตลาดทุนบริษัทหลักทรัพย์ภัทรในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท อสมท กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้หุ้นจองหลายบริษัทที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจอง ในส่วนของหุ้นบริษัทอสมท นั้นไม่กังวลแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้มีการกระจายหุ้นในสัดส่วนที่เหมาะสมโดยจัดสรรให้แก่นักลงทุน รายย่อย 44% และนักลงทุนสถาบัน 56%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us