|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บอร์ดทศทชี้ชะตา 2 เรื่องสำคัญ สรรหาซีอีโอและโครงการ 5.6 แสนเลขหมาย ที่คาดว่าจะเสนอซีเมนส์บริษัทเดียวให้พิจารณา ท่ามกลางข้อสงสัยของการดำเนินงานที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใสทึบแสง ในขณะที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีชี้ทางให้เลือกเทคโนโลยีไร้สายที่เหมาะสม มากกว่าการเดินสายเคเบิลที่ต้นทุนแพงและเทคโนโลยีไม่ทันสมัยแล้ว วัดใจหมอเลี้ยบกล้าเลือกบริษัทเดียวทำโครงการ 8 พันล้านหรือไม่
ในวันนี้ (10พ.ย.) การประชุมบอร์ดบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จะมีการพิจารณา 2 เรื่องที่มีความสำคัญกับอนาคตของทศทคือการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ และการพิจารณาโครงการขยาย โทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมายมูลค่า 8 พันล้านบาท
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่าได้ขอให้บอร์ดทศทพิจารณา เลือกกรรมการผู้จัดการใหญ่ให้แล้ว เสร็จภายในการประชุมครั้งนี้ โดยที่จะเริ่มงานในวันที่ 1 ม.ค.เพื่อให้นับอายุการทำงานได้ง่ายตามปีปฏิทิน โดยที่เป็นคนนอกหรือคนในก็ได้ เพราะจะต้องมีการตั้งมาตรฐานการวัดผลหรือ KPI ไว้
"เราให้ทดลองงาน 6 เดือน แล้ววัดผล หากไม่ผ่านก็อาจมีการสรรหาใหม่ โดยผมขอให้ท่านประธานบอร์ดเลือกให้ได้โดยเร็ว"
ด้านแหล่งข่าวจากทศท กล่าวว่าการชี้ชัดว่าจะได้คนนอกหรือคนในมาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ อยู่ที่รายชื่อที่เสนอให้บอร์ดพิจารณา หากคนในจะได้เป็นก็น่าจะเป็นนายจำรัส ตันตรีสุคนธ์ ในขณะที่หากบอร์ดต้องการคนนอก ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะให้นายจำรัสรักษาการต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง รอจนคนนอกที่มีความเหมาะสมมาสมัครรอบใหม่ เหมือนเมื่อครั้งนายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ ได้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่
ส่วนโครงการขยายโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมาย มูลค่า 8 พันล้านบาทนั้น นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ดทศทกล่าวว่า การพิจารณาโครงการโทรศัพท์ 5.6 แสน เลขหมายหากเหลือเพียงบริษัทเดียวที่ผ่านด้านเทคนิคและเงื่อนไขพาณิชย์ต่างๆแล้ว อยู่ที่กรรมการบอร์ดจะพิจารณาอย่างไร และมีคำอธิบายที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งหากผ่านเพียงบริษัทเดียวก็จะต้องมีการเจรจาต่อรองราคาอีกครั้งหนึ่ง
พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร รองประธานบอร์ดทศทกล่าวว่า ไม่มีระเบียบข้อไหนห้ามไม่ให้จัดซื้อจากบริษัทเดียว เพราะโครงการนี้มีบริษัทยื่นข้อเสนอมากถึง 10 บริษัทแต่สุดท้ายถ้าเหลือบริษัทเดียว ก็ถือว่าดำเนินการมาตามขั้นตอนต่างๆแล้ว
"ถึงผ่านบริษัทเดียวก็จ้างได้ เพราะไม่มีระเบียบข้อไหนห้าม"
แหล่งข่าวจากทศทกล่าวว่าคาดว่าบริษัทซีเมนส์จะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ผ่านการพิจารณา เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเปิดซองราคา และต่อรองราคา ท่ามกลางความไม่โปร่งใสทึบแสงในขบวนการประกวดราคาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทดสอบอุปกรณ์ของบริษัทซีเมนส์ที่ใช้อุปกรณ์หลักยี่ห้อ OPNET จากประเทศไต้หวัน จะไม่ผ่านการทดสอบถึง 4 ประเด็นหลักคือ
1.อุปกรณ์ของ OPNET ไม่สามารถใช้ ISDN ได้ซึ่งไม่เพียงแต่อุปกรณ์ที่เสนอในการประมูลโครงการนี้เท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ที่ทศทซื้ออุปกรณ์ประเภทเดียวกันนี้ของ OPNET ก็ไม่สามารถใช้ ISDN
2.ในการทดสอบอุปกรณ์ STM-4 ปรากฏว่าซีเมนส์ใช้อุปกรณ์ STM-1 มาทดสอบแทน โดยที่เป็นอุปกรณ์ระดับต่ำและมีประสิทธิ- ภาพต่ำกว่า STM-4 ที่ระบุไว้ 3.ระบบ NMS หรือ Network Manage-ment System ในทีโออาร์กำหนดให้ 1 โซนซึ่งมี 2 Areaต้องมี Area ละ 1 ชุด รวมเป็น 1 โซนต้องมี NMS 2 ชุดแต่ที่ซีเมนส์เสนอมีแค่ชุดเดียว และ4.ระบบมัลติมีเดียทั้งหมดไม่ตรงตามความต้องการของทศท
"ในวงการประมูลมักพูดกันว่า Nobody Fully Comply หมายถึงไม่มีบริษัทไหนจะถูกต้องทั้งหมด แต่กรรมการพิจารณากลับตัดสินว่าซีเมนส์ถูกต้องหมด"
แหล่งข่าวเบื้องหลังอุปกรณ์ OPNET ที่ซีเมนส์ใช้ผ่านการทดสอบเทคนิคแบบ 100% เป็นเพราะทีมทดสอบไล่ตั้งแต่รองประธานกรรมการและวิศวกรอีกนับสิบคน เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน OPNET ที่ประเทศไต้หวันในช่วงระหว่างมีการประมูลโครงการ 5.6 แสนเลขหมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
คณะกรรมการชุดดังกล่าว ยังสรุปผลก่อนหน้านี้ให้กลุ่มมารูเบนนีและอีริคสันที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย รวมทั้งซีเมนส์ผ่านการทดสอบรวม 3 กลุ่มเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเสนอบอร์ดเปิดซองราคา แต่ปรากฏว่าหลังจากที่นายจำรัส ตันตรีสุคนธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ทศทในฐานะเลขานุการบอร์ดพิจารณาอีกครั้งพบว่าอุปกรณ์หัวเหว่ยไม่ผ่านข้อกำหนดในประเด็น เงื่อนไขด้านเทคนิคที่ระบุว่า "Optical Line Card/Unit และ Tributary Card/Unit ของอุปกรณ์ Access Node COT และ RT ที่เสนอจะต้องเป็นชนิดเดียวกันหรือสามารถใช้งานสลับหรือทดแทนกันได้" แต่อุปกรณ์ที่หัวเหว่ยเสนอมากลับเป็นคนละรุ่นกัน ทำให้เหลือ เพียงซีเมนส์รายเดียวที่ผ่านด้านเทคนิค
"อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่เพิ่งเกษียณถึงกับพูดออกจากปากว่าหากจ้างหัวเหว่ย ต้องมีคนติดคุกแน่"
ประเด็นสำคัญของการปรับให้หัวเหว่ยตกภายหลัง ชี้ให้เห็นว่าผลการพิจารณาของกรรมการไม่ว่าจะเป็นการทดสอบด้านเทคนิคหรือการดูเงื่อนไขพาณิชย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ไม่มีมาตรฐาน จงใจเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางกลุ่มเป็นพิเศษ นอกจากนี้เงื่อนไขเทคนิค ในทีโออาร์ก็อาจไม่ทันสมัยเพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงเวลาเกือบ 3 ปี รวมทั้งราคาก็อาจสูงเกินไป
"ถ้าจ้างซีเมนส์บริษัทเดียว รับรองต้องมีคนไปศาลปกครองแน่"
ในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ทศทควรดำเนินการให้เหมาะสม กับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก รวมทั้งควรให้ได้ผู้ชนะในราคาที่เหมาะสมที่สุดด้วย วันนี้เทคโนโลยีต่างๆ เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ งานด้านการวางข่ายสายตอนนอก (Outside Plant) ไปจนถึงตัวเทคโนโลยีที่มีตัวเลือกทั้ง Voice Over IP ที่มีการติดตั้ง IP switching หรือ อาจจะใช้ wireless CDMA ที่สามารถใช้ได้กับความถี่ในย่าน 450 MHz ได้และมีใช้กันอยู่หลายแห่งหากนำมาเพื่อบริการประชาชนได้ถูกกว่าดีกว่าก็ต้องเหมาะสมแทนที่จะใช้ การเดินสายเคเบิลที่ไม่คุ้มค่าและต้องลงทุนมากเป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีและทศท ต้องหาผู้ชนะที่เสนอเทคโนโลยีและราคาดีที่สุด
|
|
 |
|
|